ป.ป.ช.ชนะ! ศาล รธน.ชี้ปมยึดทรัพย์ 136 ล.-ไล่ออก 'พล.ต.ท.สมหมาย' ไม่ขัด รธน.
ป.ป.ช.ชนะ! ศาลรัฐธรรมนูญมีมติชี้ขาดปมยึดทรัพย์ 136 ล้าน-ลงโทษไล่ออก 'พล.ต.ท.สมหมาย นิตยบวรกุล' ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 วินิจฉัยว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 122 วรรค 3 ไม่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 วรรค 1 โดยตุลาการเสียงข้างน้อยคือ นายนภดล เทพพิทักษ์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นอกจากนี้ ยังมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่ามาตรา 122 วรรคสามของกฎหมายเดียวกันไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้ศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งของ พล.ต.ท.สมหมาย นิตยบวรกุล หรือ "บิ๊กอ่วม" อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภาค 8 ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษายึดทรัพย์ 136.2 ล้านบาท เนื่องจากมีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ตามการชี้มูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีหมายเลขดำที่บ.127/2566 ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่าพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 122 วรรคสามขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 29 หรือไม่
โดย พ.ร.ป.ป.ป.ช. มาตรา 122 บัญญัติเกี่ยวกับเมื่อ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่ำรวยผิดปกติ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และ ความเห็นไปยังอัยการสูงสุดภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีมติ เพื่อให้อัยการสูงสุดดำเนินการยื่นคำร้อง ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และในวรรคสาม กำหนดให้แจ้งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุป ไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนของผู้ถูกกล่าวหาภายใน 30 วันนับแต่วันที่วินิจฉัย เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่
สำหรับ พล.ต.ท.สมชาย นิตยบวรกุล ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด กรณีกล่าวหาว่า พล.ต.ท.สมชาย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 (รอง ผบช.ภาค 8) มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มีคำพิพากษายึดทรัพย์คดีร่ำรวยผิดปกติกว่า 136 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน นอกจากนี้ยังถูกร้องต่อศาลปกครองกลางให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งด้วย