ขึงยาว ‘ทักษิณ’ ดีลใหม่รอเงื่อนไขเลือกตั้ง 70
“บิ๊กดีล” รอบใหม่ จะเกิดขึ้นก่อนและหลังเลือกตั้งปี 2570 เพื่อการันตีไม่ให้ “ทักษิณ” คิดพลิกขั้ว ผูกขาเอาไว้ข้ามช็อต เพื่อป้องกันภัยไม่ให้มากระทบ “หัวขบวนอนุรักษนิยม” จนตั้งตัวไม่ทัน
KEY
POINTS
- คดี ม.112 ของ ทักษิณ จะใช้ระยะเวลาการพิจารณาตามขั้นตอนของศาลระหว่าง 2-3 ปี ก่อนจะมีคำพิพากษา
- ขั้วอนุรักษนิยม ต้องประคับประคองอำนาจให้อยู่ในความควบคุมต่อไป จำเป็นต้องใช้บริการของ ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย
- สำนักโพล มีผลการสำรวจออกมาไม่แตกกัน โดยมักระบุว่า พรรคก้าวไกล มีความนิยมลำดับหนึ่ง
ยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ หากสัญญาณไม่ชัวร์ อาจจะไม่เลือกเดินทางไปรายงานตัวต่อ “อัยการสูงสุด” เพื่อนำตัวส่งศาลคดี ม. 112 เพราะระหว่างการพิจารณาจะให้ประกันตัวหรือไม่ การคอนโทรลเกมไม่ได้อยู่ในมือ พาตัวเองเดินเข้าสู่จุดเสี่ยง
แต่อาจเป็นเพราะสัญญาณจาก “คนพิเศษ” คอนเฟิร์มการได้รับการประกันตัว เช่นเดียวกับ “อัยการสูงสุด” ไม่ได้มีคำขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ “ทักษิณ” มีแผนเดียวในใจมาตลอด คือการเข้ารายงานตัว ก่อนยื่นประกันตัว ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
โดยวางเงื่อนไขให้วางหนังสือเดินทาง ยึดหนังสือเดินทาง และหลักประกัน ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และแจ้ง สตม. ทราบ พร้อมกำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 19 ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าขั้นตอนของคดีม. 112 ของ “ทักษิณ” จะใช้ระยะเวลาการพิจารณาตามขั้นตอนของศาลระหว่าง 2-3 ปี ก่อนจะมีคำพิพากษาออกมา
ทว่าในทางการเมืองที่ “ขั้วอนุรักษนิยม” ต้องประคับประคองอำนาจให้อยู่ในความควบคุมต่อไป จำเป็นต้องใช้บริการของ “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” เนื่องจากพรรคเครือข่ายเดิมต่างอ่อนแรงลงไป
สังเกตได้จากผลการสำรวจความนิยมของพรรคการเมืองของ “สำนักโพล” มีผลการสำรวจออกมาไม่แตกกัน โดยมักระบุว่าพรรคก้าวไกล มีความนิยมลำดับหนึ่ง ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคอนุรักษนิยม อาทิ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ แต้มการเมืองลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นจึงมีเพียง “เพื่อไทย” เท่านั้นที่จะพอแข่งกับ “ก้าวไกล” ซึ่งถูกมองว่าเป็นศัตรูของ “ขั้วอนุรักษนิยม” ได้
“อนุรักษนิยม” ไม่ต้องการสร้างความนิยมทางการเมือง แต่มีพาวเวอร์ในการใช้เครืองมือทางกฎหมายช่วยประคับประคองสถานการณ์ทางการเมือง จึงไม่แปลกที่จะวางเกมขึง “ทักษิณ” เอาไว้ เพราะความไว้วางใจในตัวของ “ทักษิณ” มีน้อย เนื่องจากเคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาก่อน เพียงแต่มี “ก้าวไกล” มาคั่นกลาง จึงต้องสมานผลประโยชน์กันเอาไว้
แน่นอนว่าการเลือกตั้งปี 2570 “เพื่อไทย” ต้องแข่งกับ “ก้าวไกล” เพื่อแย่งเก้าอี้ สส. ให้ได้มากที่สุด ส่วนพรรคเครือข่ายอนุรักษนิยม จะสามารถสอดแทรกได้ในบางพื้นที่เท่านั้น
โดยตัวของ “ทักษิณ” รู้ดีว่ากระแสของ “ขุนพลสีส้ม” จะพุ่งแรงกว่าเดิม ทางเดียวที่จะสามารถเอาชนะได้คือการดึง “ขุนพลบ้านใหญ่” มาเติมกระสุน ทำการเมืองแบบสร้างฐานคะแนนให้เข้มแข็ง เพื่อเอาชนะกระแส
จึงปรากฏภาพของ “ทักษิณ” เดินสายทอดไมตรีไปยัง “คนบ้านใหญ่” ในแต่ละพื้นที่ อาทิ บ้านใหญ่โคราช บ้านใหญ่ปทุมธานี บ้านใหญ่นนทุบรี เป็นต้น และหลังจากนี้ “ทักษิณ” จะเดินสายการเมืองมากกว่าเดิม วางโปรแกรมตรึงบ้านใหญ่เอาไว้แล้ว
เป้าหมายแรกต้องยึดพื้นที่สู้ศึกเลือก นายก อบจ. ในช่วงต้นปี 2568 เพื่อรักษาฐานเสียงทางการเมืองเอาไว้ เพื่อต่อยอดไปสู่การเลือกตั้ง สส. ในปี 2570
เมื่อดูไทม์ไลน์ของคดี ม. 112 ของ “ทักษิณ” แล้ว คาดการณ์ว่าจะเสร็จสิ้นในทุกชั้นศาลจะอยู่ในช่วงปี 2569-2570 โดยจะใกล้เคียงกับวัน ว. เวลา น. การเลือกตั้งรอบหน้า หาก “รัฐบาลเศษฐา” อยู่ครบเทอม
ดังนั้นการขึง “ทักษิณ” เอาไว้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ “บิ๊กดีล” รอบใหม่ จะเกิดขึ้นก่อนและหลังเลือกตั้งปี 2570 เพื่อการันตีไม่ให้ “ทักษิณ” คิดพลิกขั้ว ผูกขาเอาไว้ข้ามช็อต เพื่อป้องกันภัยไม่ให้มากระทบ “หัวขบวนอนุรักษนิยม” จนตั้งตัวไม่ทัน