'ศิริกัญญา' อัด รัฐบาลจัดงบ68แบบ'ภูมิคุ้มกันต่ำ' อุ้ม'แจกหมื่น' สร้างภาระหนี้
"ศิริกัญญา" อัด รัฐบาลทำลายสถิติการคลัง จัดสรรงบ68แบบ"ภูมิคุ้มกันต่ำ" ชำแหละแจกดิจิทัลสร้างภาระหนี้
ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ2568 ในวาระหนึ่ง เนื้อตอนหนึ่งว่า การจัดงบของรัฐบาลได้ทำลายสถิติทางการคลังหลายตัว
นอกเหนือจากรายจ่ายการลงทุนที่นายกฯประกาศกลางสภาว่าสูงสุดรอบ17ปี ยังมีในส่วนของงบขาดดุลที่สูงสุดในรอบ36ปี หลายประเทศที่มีปัญหาการคลังเรื้อรังมีการกำหนดไว้ในกฎหมายเสียด้วยซ้ำว่าจะไม่กู้ขาดดุลเกิน3%
แต่ปรากฎในส่วนของไทยไทยปี67 มีขาดดุล4.3% ปี68 ขาดดุล4.5% ถือเป็นความกล้าหาญของรัฐบาลเพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยกู้จำนวนมหาศาลเช่นนี้หากไม่ได้เป็นปีที่ประสบวิกฤติเศรษฐกิจ
น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี57 รัฐบาลมีการกู้เต็มเพดานทุกปีปัญหาคือพอใช้จ่ายเงินเกินตัวแต่หาเงินไม่ทันก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงซึ่งรัฐบาลกำลังพาประเทศไปเสี่ยง โดยไม่เหลืองบประมาณที่จะไปรองรับหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำคือโนสนโนแคร์ เพียงเพื่อให้มีเงินมากพอที่จะไปทำโครงการเดียวคือดิจิทัลวอลเล็ตเพียงโครงการเดียว
ขณะที่รายจ่ายการลงทุนที่สูงสุดรอบ17ปีนั้น ส่วนตัวมองว่าอาจไม่ใช่เรื่องน่ายินดี หากนับรวม80%ของงบโครงการลงทุนดิจิทัลวอลเล็ต จะเรียกว่าเป็นรายจ่ายลงทุนแทนที่จะเป็นการใช้จ่ายเพื่อการบริโภค
ดังนั้นหากลองคำนวณโดยตัด80%ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตออก จะเหลือรายจ่ายลงทุนเพียง20.8%ของงบประมาณ ซึ่งถือว่าปริ่มเกณฑ์ขั้นต่ำ เป็นเช่นนี้ทำให้ตนเกิดความสงสัยว่ารัฐบาลอาจไปตัดรายจ่ายประจำบางตัวเพื่อเปลี่ยนให้เป็นรายจ่ายลงทุน
ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่ามีรายจ่ายประจำหลายตัวที่ได้งบต่ำกว่าที่ต้องใช้รวมประมาณ1.6แสนล้านบาท พรรคก้าวไกลเคยถูกกล่าวห่ว่าจะตัดบำนาญข้าราชการอันที่จริงคือรัฐบาลนี้ เพราะการจัดอันดับความสำคัญของรัฐบาลหากจะให้คนกลุ่มนี้ต้องไปลุ้นกันที่การของบกลางบบนี้เรียกว่าไม่ได้ให้ความสำคัญ
การดำเนินนโยบายเช่นนี้ จึงมีความเสี่ยงที่ในปีหน้าเราจะใช้เงินเพื่อชดใช้เงินคงคลังสำหรับภาระดอกเบี้ยถึง3.9หมื่นล้านบาท
ส่วนกรณีการชำระเงินต้นซึ่งรัฐบาลพยายามบอกว่าสูงสุดในรอบ19ปี ส่วนตัวมองว่า อาจเป็นไปเพื่อขยายกรอบกู้ขาดดุล เพื่อโครงการเดียวคือดิจิทัลวอลเล็ต
ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อGDPที่สูงสุดในรอบ29ปี ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงหากเป็นเช่นนี้อาจทำให้ในปี2570 เราต้องขยายเพดานไปจนเกือบชนเพดานที่70% เพียงเพื่อดิจิทัลวอลเล็ต
ขณะที่สัดส่วนดอกเบี้ยต่อรายได้ที่สูงสุดในรอบ14ปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจะกลายเป็นว่าไปเบียดบังงบประมาณในปีต่อๆไปที่จะมีมากขึ้น ขณะที่งบที่จะนำมาใช้ในการลงทุนก็จะมีน้อยลง
"การที่เกิดในหลายๆตัว หลายๆที่พร้อมๆกันแบบนี้ และไต่บนเส้น ไต่บนขอบไปหมดทุกตัวแบบนี้มันคือภาวะความเสี่ยงที่จะทำให้ ประเทศไม่มีความพร้อมเหมือนคนเป็นภูมิคุ้มกันไม่มีพอมีอะไรมากระทบก็เจ็บป่วยร้ายแรง"
อย่างไรก็ดีการที่งบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น3.75ล้านล้าน แต่เอาเข้าจริงกลับใช้ได้เพียง1ใน4 เพราะมีรายจ่ายที่เข้าไม่ยุ่งไม่ได้ ทำให้งบที่คงเหลือจริงๆเหลืออยู่เพียงไม่ถึง1ล้านล้านบาทเท่านั้น ทางออกทางเดียวคือรัฐบาลต้องแสดงศักยภาพในการหารายได้ได้แล้ว