ป.ป.ช.บุกจับผู้ต้องหา หนีคดีมหากาพย์โกงสอบ พนง.ส่วนตำบล เรียกเงิน 12 ล้าน

ป.ป.ช.บุกจับผู้ต้องหา หนีคดีมหากาพย์โกงสอบ พนง.ส่วนตำบล เรียกเงิน 12 ล้าน

ป.ป.ช.รวบผู้ต้องหาพันคดีทุจริตสอบแข่งขันบรรจุพนักงานส่วนตำบล พื้นที่ จ.มหาสารคาม แถมเรียกรับเงิน 12 ล้าน หลังหลบหนีหมายจับ ส่งศาลคดีทุจริตฯภาค 4

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ข้อมูลการดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหาหลบหนีหมายศาล ในคดีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 และเรียกรับเงินกว่า 12 ล้านบาท 

โดยเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ดำเนินการติดตามจับกุมนางสาวพีรญา หรือพานิตย์ ทับทิมไสย ผู้ต้องหาหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

เมื่อครั้งองค์การบริหารส่วนตำบลโนนแดง และองค์การบริหารส่วนตำบลอื่น ใน จ.มหาสารคาม รวม 31 แห่ง ดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จำนวน 13 ตำแหน่ง และได้เรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบ จำนวน 39 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 12,000,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้สอบแข่งขันให้เป็นผู้สอบแข่งขันได้

สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ดำเนินการสืบสวนและติดตามจับกุมได้ จึงนำตัวไปยังกองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เพื่อทำบันทึกการจับกุม พร้อมส่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมายที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4

ป.ป.ช.บุกจับผู้ต้องหา หนีคดีมหากาพย์โกงสอบ พนง.ส่วนตำบล เรียกเงิน 12 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีทุจริตการสอบแข่งขันพนักงานส่วนตำบล ใน อบต. 31 แห่ง จ.มหาสารคาม ถูกร้องเรียนผ่านสื่อ และมีการขุดคุ้ยว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐ และอาจารย์ เข้าไปพัวพันเปลี่ยนแปลงคะแนนผู้เข้าสอบแข่งขัน กระทั่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายก อบต.) ผู้บริหารใน อบต. ข้าราชการ รวมถึงอดีตหัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวนเกือบร้อยราย ที่เข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปัจจุบันศาลมีคำพิพากษาจำคุก บุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้วนับร้อยรายเช่นกัน