วังวนการเมือง‘รอเปลี่ยนผ่าน’ อัปเดตสัมพันธ์ ‘พี่น้อง 3 ป.’
การเมืองไทยในช่วง 3-4 ปีต่อจากนี้ ยังตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน จนกว่าจะมีคนโดดเด่นเข้ามาเป็นตัวแปรทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
KEY
POINTS
- “บิ๊กป้อม” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วัย 78 ปี หนึ่งเดียวใน 3 ป.ที่ยังโลดแล่นบนเส้นทางการเมือง
- ปัจจัยการเมืองเข้ามาสั่นคลอนความสัมพันธ์ พี่น้อง 3 ป. จนไม่อาจผสานรอยร้าวให้กลับมาแนบแน่นเฉกเช่นในอดีต
“คบกันมา 30-40 ปี จะมาแตกกันเพราะคนนอก” คำพูดบิ๊กทหารคนใกล้ตัว คอยกระตุ้นเตือน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วัย 78 ปี หนึ่งเดียวใน 3 ป.ที่ยังโลดแล่นบนเส้นทางการเมือง
ส่วน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี เพิ่งได้รับพระราชทานเครื่องราช “ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ฝ่ายหน้า”และเหรียญรัตนาภรณ์ ชั้น 3 เมื่อ 15 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา
“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต รมว.มหาดไทย ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอย่างเงียบๆ หลังวางมือการเมือง พร้อมหาจังหวะไปเยี่ยมเยียน “บิ๊กป้อม” อยู่เสมอโดยเฉพาะไปร่วมงานทำบุญ คุณแม่สายสนี วงษ์สุวรรณ ผู้ล่วงลับทุกปี ไม่เคยขาด
ก่อนหน้านี้ ปัจจัยการเมืองเข้ามาสั่นคลอนความสัมพันธ์ พี่น้อง 3 ป. จนไม่อาจผสานรอยร้าวให้กลับมาแนบแน่นเฉกเช่นในอดีต
“บิ๊กป้อม” ไม่พูดคุยกับ “บิ๊กป๊อก”โดยไม่รู้สาเหตุ ส่วนกับ “บิ๊กตู่” แม้ยังทักทายกันบ้าง แต่ต้องเว้นระยะห่าง เนื่องจากบทบาทหน้าที่สวนทางกัน
“บิ๊กป้อม” ได้รับแรงกระแทกการเมืองอย่างหนัก หลังถูกมองอยู่เบื้องหลังของ 40 สว.ร้องถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ปมแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี
ปัจจัยที่อยู่เหนือความคาดหมายโหมไฟการเมืองที่คุกรุ่นอยู่แล้วจากคดียุบพรรคก้าวไกล และคดีม.112 ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้ลุกโชนขึ้นอีก จนเป็นที่มาของกระแสข่าว พปชร.เสี่ยงถูกปรับออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหลังสถานการณ์คลี่คลาย
ปัจจุบันคดี ม.112 ทักษิณ ได้รับการประกันตัวให้ไปต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม แต่กำหนดเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
สำหรับคดี 40 สว.ร้องถอดถอนนายกฯ ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทําความเห็นและส่งสําเนาเอกสารหลักฐานภายใน 15 วัน พร้อมกําหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันที่ 10 ก.ค. 2567
คดียุบพรรคก้าวไกล ปมล้มล้างการปกครองศาลรัฐธรรมนูญ ให้บุคคลเสนอบันทึกถ้อยคํายืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าต่อศาลรัฐธรรมนูญตามประเด็นที่กําหนดใน 7 วัน นัดพิจารณา วันที่ 3 ก.ค.2567 ให้ กกต.ตรวจพยานหลักฐาน 9 ก.ค.2567
แม้จะทำให้อุณหภูมิลดลง แต่เชื่อกันว่าเป็นการยื้อเวลา ใช้เดินเกมต่อรองเพราะปัจจุบันไม่มีใครคุมอำนาจได้เบ็ดเสร็จ แต่อาศัยจังหวะ สถานการณ์ชิงความได้เปรียบ
แหล่งข่าวกองทัพ ระบุว่า การเจรจาต่อรองคือทางออกที่จะนำพาประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เอาประเทศ ผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ถือเป็นเรื่องดี หากผู้มีอำนาจทุกกลุ่มทุกฝ่ายไม่ได้คำนึงผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างเดียว ถึงแม้ในอนาคตรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ นายกฯไม่ได้ไปต่อ แต่การเมืองมีกลไกแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว แค่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ หรือจัดตั้งรัฐบาลใหม่ อยากให้มองสถานการณ์ให้เป็นเรื่องปกติ
“ส่วนที่มีการพูดถึงรัฐประหาร ทั้งในส่วนพรรคก้าวไกล หรือ สว. นั้น นอกจากเป็นไปไม่ได้แล้ว ยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก คนในกองทัพเอือมระอาเต็มที เมื่อมีการพูดถึงประเด็นนี้ ไม่มีใครอยากทำ ใครทำรอบนี้เตรียมตัวรับข้อหากบฎได้เลย” แหล่งข่าวกองทัพ ระบุพร้อมย้ำว่า
การเมืองไทยวนลูปอยู่เช่นนี้ เพราะตัวเลือกที่มีอยู่ในปัจจุบัน ล้วนเป็นคนหน้าเดิม ซึ่งต่างมีแผลด้วยกันทั้งสิ้น คงต้องรอให้มีใครสักคนที่ประชาชนเห็นว่าเหมาะสม เกิดการยอมรับ เมื่อถึงเวลานั้นเกมการเมืองก็จะเปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ในปัจจุบัน คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามระบบของมัน
ดังนั้นการเมืองไทยในช่วง 3-4 ปีต่อจากนี้ ยังตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน จนกว่าจะมีคนโดดเด่นเข้ามาเป็นตัวแปรทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง