'ภูมิธรรม' ขีดเส้น 7 วัน ตรวจสอบปมบริษัทประมูลข้าว 10 ปี เป็นนอมินีรัฐบาล

'ภูมิธรรม' ขีดเส้น 7 วัน ตรวจสอบปมบริษัทประมูลข้าว 10 ปี เป็นนอมินีรัฐบาล

"ภูมิธรรม" เผย สั่งองค์การคลังสินค้าตรวจสอบภายใน 7 วันหลังเกิดข้อสงสัยบริษัทประมูลข้าวได้เป็นนอมินีรัฐบาล ชี้ หากผิดทีโออาร์ให้เรียกลำดับสอง-สามขึ้นมา

25 มิ.ย.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบบริษัทประมูลข้าวหลังมีการตั้งข้อสังเกตว่าหนึ่งในบริษัทที่ร่วมประมูลเป็นนอมินี ว่า เรื่องข้าวมีความดราม่ามาโดยตลอด ซึ่งเรื่องนี้ตนพยายามที่จะระบายข้าวทั้งสองกองภายในครั้งเดียว จึงได้มีการตั้งทีโออาร์ขึ้นมาเพื่อให้เกิดการประมูลยกกอง และผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดให้หราคาที่ 19.073 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการต่อรอง แต่เกิดข้อสงสัยจากสื่อหลายสังกัดว่าผู้ที่ประมูลได้เป็นนอมินีและไม่น่าเชื่อถือว่าจะสามารถทำได้ คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด (V8) มีทุนจดทะเบียนเมื่อปี 2563 เพียง 2 ล้านบาท และงบการเงินหมุนเวียนแต่ละปีประมาณ 1 ล้านบาท และยังมีหนี้สะสมอีก 13 ล้านบาท จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินกิจการขณะนี้แล้วมากู้จำนวนเงิน 285 ล้านบาท จึงเกิดข้อสงสัยว่ารัฐบาลกำลังเล่นละครเป็นลักษณะเพื่อไทยการละคร สร้างนอมินีเพื่อให้มีการเข้ามาดำเนินการ 

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตในลักษณะดังกล่าวถึงแม้ตนจะไม่ได้สนใจเรื่องอื่น ต้องการเพียงการขายข้าวให้ได้เพื่อปิดตำนานแต่เมื่อเกิดข้อสงสัยเมื่อวานนี้(24มิ.ย.)จึงได้สั่งการและทำจดหมายไปถึงผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าเพื่อตรวจสอบถึงประเด็นข่าวดังกล่าว เพื่อให้เกิดข้อชัดเจนและสิ้นข้อสงสัย ว่า บริษัท V8 ไม่ได้เป็นนอมินีของใครและมีความสามารถ ไม่ทิ้งข้าวกลางคัน โดยขอให้ดูตามข้อกฎหมายและทีโออาร์ โดยมีการขอให้ชะลอและรอเวลา 7 วันเพื่อตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนไม่มีอะไรต่างไปจากทีโออาร์ที่กำหนด ราคา 19.073 บาท ก็เป็นที่น่าพอใจแล้วเพราะที่ผ่านมาเคยขายได้ 5 บาท 

“การทำตรงนี้ก็เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและหายข้อคลางแคลงใจ โดยเฉพาะจากที่ตั้งข้อสังเกตให้เห็นภาพชัดเจนว่าไม่มีปัญหา แต่ถ้าพบว่าเป็นนอมินีจริง เพราะเบื้องต้นได้ทราบข่าวว่ามีบริษัทหนึ่งที่อยู่แถวจังหวัดกำแพงเพชรกับกรรมการของบริษัทV8 มีส่วนที่ทับซ้อนกัน และสถานที่ตั้งของบริษัทก็อยู่ในที่เดียวกันที่เคยส่งออกมันสำปะหลัง แต่ไม่เคยส่งออกข้าว หรือส่งแค่จำนวนน้อย แต่ติดแบล็คลิสต์ขององค์การคลังสินค้า จึงขอให้ไปตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทุกอย่างต้องมีกฎหมายหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งถ้าหากเป็นจริงก็อาจกลับมาพิจารณาในส่วนของกรรมการเรื่องการต่อรองราคา และการประมูลข้าว แต่ถ้าจะมีการเปลี่ยนเข้าใจว่าทางทีโออาร์ต้องไปเรียกผู้ประมูลลำดับสอง หรือถ้าไม่ได้ก็เป็นลำดับสาม”

นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า สิ่งหนึ่งที่เป็นการพิสูจน์ในเรื่องนี้ คือข้าวยังมีราคา ถ้าข้าวเน่าคงไม่มีใครมาแย่งประมูล ยืนยันว่า ข้าวดี อย่างแน่นอนเพราะทุกคนอยากได้ ทั้งนี้ใครจะได้ไปเราไม่สนใจ เพราะเราอยากได้ราคาข้าวที่ดีแต่เมื่อมีข้อสงสัยก็ต้องทำให้สิ้นข้อสงสัยไม่มีอะไรที่เราต้องไปขัดขวาง เพราะเราอยากขายข้าวเพียงแต่ช่วงนี้อาจต้องมีการชะลอการประกาศผู้ที่ได้รับการประมูล