ฤดูโยกย้ายใหญ่ 'ทหาร-ตร.' ทฤษฎี 'ตาอยู่กินพุงปลา'

ฤดูโยกย้ายใหญ่ 'ทหาร-ตร.' ทฤษฎี 'ตาอยู่กินพุงปลา'

การปรับย้ายทหารที่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในสิงหาคม จะมีเงื่อนไขหรือตัวแปรใดเร่งอุณภูมิให้ร้อนระอุหรือไม่ ควบคู่กับการปรับย้ายตำรวจ ต้องวัดใจ "นายกฯ" จะเคาะชื่อใครเป็น "ผบ.ตร.คนที่ 15"  ที่จะสามารถดับไฟในองค์กรตำรวจได้

KEY

POINTS

  • ปมขัดแย้งศึกชิง "เก้าอี้ ผบ.ตร."ที่ตามจองล้างจองผลาญกันมาข้ามปี ฤดูการโยกย้ายใหญ่จะเวียนมาบรรจบอีกรอบ
  • หากปัญหานี้เกิดในกองทัพ เป็นที่รู้กันว่าคู่แคนดิเดตจะชวดกันทั้งสองฝ่าย และเก้าอี้สำคัญจะตกเป็นของบุคคลที่สามเพื่อขัดตาทัพ

อีก 1 เดือนเศษ ฤดูการโยกย้ายใหญ่จะเวียนมาบรรจบอีกรอบ แต่ความขัดแย้งในกรมตำรวจก็ยังคุกรุ่น หลังผลการประชุม ก.ตร.(26 มิ.ย.) "เศรษฐา ทวีสิน" นายกฯ เป็นประธาน มีมติเอกฉันท์ 12 เสียง เห็นชอบกรณีคำสั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ให้ออกจากราชการไว้ก่อน“ชอบด้วยกฎหมาย”

ปมขัดแย้งศึกชิง "เก้าอี้ ผบ.ตร." ที่ตามจองล้างจองผลาญกันมาข้ามปี ระหว่าง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กับ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บานปลายและพัวพันกับคนในองค์กรตำรวจเกินกว่าจะคาดคิด ยังไม่รู้บทสรุปจะออกมาในรูปแบบใด

แม้ปัจจุบัน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะหวนคืนมาทำหน้าที่ ผบ.ตร.แล้วในรอบ 3 เดือน ตั้งแต่ถูกคำสั่งไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี แต่การกลับมารอบนี้ มาพร้อมกับกระแสข่าวจะถูกโอนย้ายไปสังกัดหน่วยอื่นก่อนเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย.2567

ชั่วโมงนี้ ตัวเต็ง ผบ.ตร.คนที่ 15  "บิ๊กโจ๊ก" อาวุโสอันดับ 1 แม้หนทางริบหรี่ แต่ยังมีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) เป็นอีกช่องทางให้ลุ้นกลับทำหน้าที่ รอง ผบ.ตร. ให้ทันได้ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ภายใต้กรอบเวลาจำกัด อีกทั้งยังไม่รู้ว่าผลวินิจฉัยจะเป็นบวกเป็นลบ หรืออาจยืดเยื้อต่อที่ศาลปกครอง

สปอตไลท์ส่องไปที่ รอง ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 2 แต่ "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หืดขึ้นคอ เพราะตกอยู่ในวงจรขัดแย้ง หลังเซ็นคำสั่งปลด "บิ๊กโจ๊ก"ออกราชการไว้ก่อน จนถูกยื่นฟ้อง ป.ป.ช.  อีกทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็น การดำเนินการไม่เป็นไปตามขั้นตอน 

หันมาโฟกัส พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ คนสีกากีบอกมีลุ้น หลังจากล่าสุดออกมาลุยคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำหายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมสายตรง "นายกรัฐมนตรี"

ปัญหาความขัดแย้งของแคนดิเดตแย่งชิงตำแหน่งหลัก ที่ส่อเค้าทำให้คนในองค์เกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จนกระทบภารกิจหลัก ไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้เหมือนที่กรมตำรวจกำลังเผชิญอยู่

หากปัญหานี้เกิดในกองทัพ เป็นที่รู้กันว่าคู่แคนดิเดตจะชวดกันทั้งสองฝ่าย และเก้าอี้สำคัญจะตกเป็นของบุคคลที่สามเพื่อขัดตาทัพ  ส่งผลให้การปรับย้ายทหารในระยะหลัง แม้จะเปิดโอกาสให้แข่งขันกันเต็มที่ วิ่งเต้นกันเต็มสเต็ปไม่ต่างจากกรมตำรวจ แต่การต่อสู้อยู่ในกรอบกติกา ไม่สร้างความแตกแยกคนในองค์กรเหมือนในอดีต

อีกทั้งกองทัพมีเกราะกำบังแน่นหนา ทั้ง  พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ภายใต้ “บอร์ด 7 เสือ กลาโหม” ที่แม้แต่คนสีกากีการันตีว่า กฎเหล็กแข็งจริง สกัดการเมืองล้วงลูกได้อยู่หมัด สำทับด้วยกลไกเชิงซ้อนในรูปแบบ ฉก.ทม.รอ.904 หรือ ทหารคอแดง เว้นแต่แทรกแซงกันเองภายใน

น่าจะเป็นสิ่งค้ำยันหนึ่ง ที่ทำให้ "สุทิน คลังแสง" รมว.กลาโหม เชื่อว่าการปรับย้ายของทหารจะไม่มีปัญหาเหมือนของตำรวจ เพราะมีระบบรุ่นและระเบียบวินัยที่ยึดถือปฏิบัติมานาน แม้จะมีการแข่งขันกันบ้างแต่หลังโปรดเกล้าฯ ทุกอย่างจบ ไม่มีฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน ตามมาภายหลัง

แต่กระนั้นก็ยังมั่นใจไม่ได้ 100% ตราบใดที่แคนดิเดตระดับหัวไม่นิ่ง การจัดทำโผในระดับแม่ทัพ นายกอง ผบ.หน่วยคุมกำลัง ดำเนินการไม่ได้ สำหรับปีนี้เริ่มมีการขยับเขยื้อนให้เห็นเป็นการภายใน

ประเดิมด้วยการเขย่าเก้าอี้เต็งหนึ่ง แคนดิเดต ผบ.ทบ.“บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) เสธ.ทบ.ตั้งแต่ต้นปีจนมาถึงปัจจุบันนี้จะถูกโยกไปกองทัพไทย รอเสียบเก้าอี้ ผบ.ทสส. ต่อจาก “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ซึ่งจะเกษียณปี 2568

หวังให้ "ผบ.เหล่าทัพ" ปีนี้มาจาก ตท.24 ยกแผง เพราะปัจจุบันมี พล.อ.พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. เป็น ตท.24 อยู่แล้ว

ทำให้ชื่อของ "บิ๊กหยอย" พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ (ตท.24) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ถูกวางตัวไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม "บิ๊กหนุ่ย" พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ
(ตท.24) ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ส่งไปนั่ง รอง ผบ.ทสส. ถูกพูดถึงว่ามีลุ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.

ฟาก "กองทัพเรือ" มี พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง(ตท.24) เสธ.ทร. อีกคน ตัวเต็งชิงผบ.ทร. คนใหม่ ร่วมกับรุ่นพี่ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข (ตท.25) รอง ผบ.ทร. พล.ร.อ.ชลทิศ นาวานุเคราะห์ (ตท.23)ผู้ช่วย ผบ.ทร.

นอกจากนี้ เรื่องเรือดำน้ำ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ "นายกฯ" ก่อนนำเข้า ครม.เพื่ออนุมัติเปลี่ยนแปลงสัญญาและขยายกรอบเวลา รวมถึงการจัดซื้อเรือฟริเกตลำใหม่ ซึ่งจะเป็นแปรสำคัญตัวกำหนด ผบ.ทร.คนใหม่ เช่นกัน

ความเคลื่อนไหวนี้เขย่าเบาๆ ในกองทัพ หวังงัดข้อประลองกำลังในยกแรก แล้วค่อยเร่งสปีดในโค้งสุดท้ายภายใต้กรอบกติกาไม่ชกใต้เข็มขัดให้กลายเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งลามไปสู่ภายนอก เพราะนอกจากไม่ส่งผลดีต่อฝ่ายใดแล้ว ยังจะชวดตำแหน่งกันทั่วหน้า

ดังนั้น การแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ทหารที่ต้องดำเนินการให้เสร็จประมาณเดือนสิงหาคม ต้องจับตาว่าปัจจัยใดจะเป็นเงื่อนไข หรือตัวแปรเร่งอุณภูมิให้ร้อนระอุหรือไม่ 

ควบคู่กับการปรับย้ายตำรวจ ต้องวัดใจ นายกรัฐมนตรี จะเคาะชื่อใครเป็น ผบ.ตร.คนที่ 15  ที่จะสามารถดับความขัดแย้งภายในองค์กรตำรวจได้