ยุทธศาสตร์ลับ 2ค่ายสู้เลือกตั้ง‘สามเส้า’-‘แดง-น้ำเงิน’วางหมากคว่ำ ‘ส้ม’

ยุทธศาสตร์ลับ 2ค่ายสู้เลือกตั้ง‘สามเส้า’-‘แดง-น้ำเงิน’วางหมากคว่ำ ‘ส้ม’

ผู้กุมอำนาจ 2 ค่ายเริ่มวางยุทธศาสตร์เลือกตั้งในพื้นที่ภาคอีสานหรือภาคอื่นๆ เพื่อกินรวบค่ายส้ม หากพื้นที่ไหน "ก้าวไกล" หรือ พรรคสีส้มในอนาคตกระแสแรงมากในพื้นที่ "ค่ายแดง" และ "ค่ายน้ำเงิน" คงต้องงัดยุทธศาสตร์ “ตัวต่อตัว” ให้ "แดง" หรือ "น้ำเงิน" ถอย

KEY

POINTS

  • “นายใหญ่” ลงพื้นที่รักษากระแส “เพื่อไทย” ใน จ.สุรินทร์ สอดรับยุทธศาสตร์ ใช้ “พ่อ” สร้างกระแสสะสมแต้ม แล้วใช้ “ลูกสาว” เป็นตัวชูโรงแคนดิเดตนายกฯ
  • "ภูมิใจไทย" กิน สส. 5 เขตเกือบรวบยก จ.สุรินทร์ "เพื่อไทย" เอาชนะได้เพียง 3 เขต
  • ยุทธศาสตร์ลับ 2 ค่ายที่อาจวางหมากหลีกทางกัน เพื่อไม่ให้ตัดแต้มกันเอง โดยให้ "ก้าวไกล"  หรือค่ายสีส้มเป็นศัตรูยืนหนึ่งในเขตนั้น
  • ยุทธศาสตร์ "ตัวต่อตัว" หาก “ส้ม” เจอ “แดง” ก็ขอให้ “น้ำเงิน” ถอย หรือ "น้ำเงิน"  ขอให้  "แดง" ถอยบ้าง เพื่อสู้กับ "ส้ม"

“นายใหญ่” แห่ง “เพื่อไทย” ไม่ชอบให้ สส.ตั้งมุ้งก็จริง แต่ก็ยังยึดกระแส “บ้านใหญ่” พื้นที่ของบรรดานักเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่เคยใช้มาตั้งแต่ยุค “ไทยรักไทย” จนถึง “เพื่อไทย” แล้วประสบความสำเร็จจนชนะเลือกตั้งมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2544-2562

เพียงแต่กลับมาพัง “พ่ายแพ้” ครั้งแรกในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 เท่านั้น ด้วยอิทธิฤทธิ์พายุกระแส “สีส้ม” โหมพัดจนแพ้เลือกตั้ง ผสมด้วยกระแสหวาดระแวงว่า “เพื่อไทย” จะจับมือกับ 2 ลุง

ผนวกกับในพื้นที่ภาคอีสาน “เพื่อไทย” ต้องสู้กับ “ภูมิใจไทย” และ “ก้าวไกล” ในเขตเมือง

เป็นสถานการณ์ที่ “เพื่อไทย” ต้องเผชิญศึกหนักศัตรู “สามเส้า” ในพื้นที่ภาคอีสานถึง 2 พรรค ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เพราะหากใครกุมเสียงข้างมากในภาคอีสานได้ ย่อมส่งผลต่อการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ศัตรูแรกคือ “ค่ายสีน้ำเงิน” ศัตรูที่สองคือ “ค่ายสีส้ม”

นั่นจึงเป็นจุดที่ทำให้ “เพื่อไทย” กวาด สส.มาเป็นพรรคเบอร์ 2 ได้ 141 สส. พรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้งได้ 151 สส.ขณะที่ “พรรคภูมิใจไทย” ได้ที่ 3 ได้ 71 สส.

ยุทธศาสตร์ลับ 2ค่ายสู้เลือกตั้ง‘สามเส้า’-‘แดง-น้ำเงิน’วางหมากคว่ำ ‘ส้ม’

ถอดรหัส “ทักษิณ ชินวัตร” ไปเยือน จ.สุรินทร์ ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2567 เป็นประธานอุปถัมภ์ โครงการบรรพชา-อุปสมบท ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ วัดสุวรรณวิจิตร ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

การลงพื้นที่ของ “นายใหญ่” ที่ จ.สุรินทร์ ในทางหนึ่งเป็นไปเพื่อรักษากระแส “เพื่อไทย” ใน จ.สุรินทร์ สอดรับกับยุทธศาสตร์ ใช้ “พ่อ” สร้างกระแสสะสมแต้ม แล้วใช้ “ลูกสาว” เป็นตัวชูโรงแคนดิเดตนายกฯ

โฟกัส อ.ปราสาท เป็นพื้นที่ของ “ภูมิใจไทย” มี สส.อยู่ 2 คน คือ เขต 7 “เรืองวิทย์ คูณวัฒนาพงษ์” และ เขต 8 “ปทิดา ตันติรัตนานนท์” ซึ่ง 2 เขตนี้ เป็นการเอาชนะ “พรรคเพื่อไทย” ได้ ทั้ง 2 เขต

จ.สุรินทร์ “เพื่อไทย” เอาตัวรอดได้ 3 เขต แต่พ่ายให้ “ภูมิใจไทย” ถึง 5 เขต

ยุทธศาสตร์ลับ 2ค่ายสู้เลือกตั้ง‘สามเส้า’-‘แดง-น้ำเงิน’วางหมากคว่ำ ‘ส้ม’

ค่ายสีน้ำเงิน “คนบุรีรัมย์” กินเกือบเรียบ เพราะบารมี “ครูใหญ่” จาก จ.บุรีรัมย์แผ่อำนาจมาถึง “สุรินทร์” ถิ่นคนเสื้อแดง “เพื่อไทย” ได้ สส.เพียง 3 เขตพ่ายย่อยยับให้กับ “คนน้ำเงิน”

เขต 2 “ชูชัย มุ่งเจริญพร” เพื่อไทย สะบักสะบอมหนักสุด แต่ยังเบียดชนะ “ณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์” จาก “ภูมิใจไทย” เพียงหลักพันคะแนน

เขต 4 “พรเทพ พูนศรีธนากูล” น้องชายแท้ๆ ของ “ตี๋ใหญ่” ที่ล่วงลับไปอย่างกะทันหัน เขตนี้ “เพื่อไทย” ลอยลำ เพราะต่อสู้กับ “ก้าวไกล” เป็นผู้สมัครที่กระดูกยังเล็กไปในการโค่น “เพื่อไทย” ในเขตนี้

เป็นที่ทราบกันในพื้นที่ว่า เขต 4 ครอบคลุม อ.ชุมพลบุรี อ.ท่าตูม และ อ.รัตนบุรี ในการเลือกตั้งทุกครั้ง น้องชายตี๋ใหญ่ คือ “คีย์แมนหลัก” ทำงานการเมืองฉากหลังในการหาช่วย “พี่ตี๋ใหญ่” รักษาฐานคะแนนเสียงอย่างเป็นกอบเป็นกำ

เขต 4 นี้ยังเป็นเขตที่ “คนเสื้อแดง” ไปร่วมชุมนุมมากที่สุดในกรุงเทพฯ เมื่อปี 2553 เท่ากับว่า เขตนี้ “เพื่อไทย” ส่งตัวจริงลงสนามป้องกันแชมป์

เขต 5 “เพื่อไทย” โดย “ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม” สส.คนใต้หัวใจสุรินทร์ เจอ “งานเบา” ไม่เจอกระดูกชิ้นโตอย่าง “ภูมิใจไทย” เพราะเขตนี้ “ภูมิใจไทย” เหมือนรู้งาน กลับส่งผู้สมัครตัวไม่ใหญ่มาก ทำให้ “ครูมานิตย์” เข้าป้าย สส. เอาชนะ “ก้าวไกล”ไปขาดลอยเดินเข้าสภาฯ แบบแบเบอร์

อย่างไรก็ตาม มีเสียงจาก สส.ในพื้นที่ภาคอีสาน มองกันว่า “ยุทธศาสตร์”ในการกินรวบ “ค่ายส้ม” อาจถูกนำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ว่ากันว่า เริ่มมีการวางยุทธศาสตร์ในพื้นที่ภาคอีสานหรือภาคอื่นๆ บ้างแล้ว

หากพื้นที่ไหน "ก้าวไกล" หรือ พรรคสีส้มในอนาคตกระแสแรงมากในพื้นที่ ก็จำเป็นที่ "ค่ายแดง" และ "ค่ายน้ำเงิน" คงต้องงัดยุทธศาสตร์ “ตัวต่อตัว”

“ตัวต่อตัว”ทั้งประเทศ โดยให้ “ค่ายส้ม” ยืนเป็นศัตรูตัวหลักเบอร์หนึ่งในพื้นที่นั้น แล้วให้ “แดง” หรือ “น้ำเงิน” หลีกทางให้กัน เพื่อไม่ให้เขตนั้นต้องมีการตัดคะแนนกันเองจนทำให้ “ค่ายส้ม” เข้าป้าย สส. ซ้ำรอยการเลือกตั้งเมื่อปี 2566

ยุทธศาสตร์ลับ 2ค่ายสู้เลือกตั้ง‘สามเส้า’-‘แดง-น้ำเงิน’วางหมากคว่ำ ‘ส้ม’ พูดง่ายๆ คือ หาก “ส้ม” เจอ “แดง” ก็ขอให้ “น้ำเงิน” ถอย

หรือ ถ้า “น้ำเงิน” ต้องสู้กับ “ส้ม” ทาง “น้ำเงิน” ก็จะขอให้ “แดง”ถอยบ้าง เพื่อไม่ให้ตัดแต้มจนพลิกพ่ายให้กับ “ส้ม”

ทว่า เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนอย่างที่ผู้มีอำนาจคิด และวางหมากกันเอาไว้ เพราะ อดีต สส.ทั้ง “แดง”และ “น้ำเงิน” ที่เพิ่งอกหักสอบตกก็มีจำนวนมาก ย่อมไม่อยากหลีกทางให้กับศัตรูต่างพรรคแน่นอน

ยุทธศาสตร์ “ตัวต่อตัว” หรือเจอ “ส้ม” แล้ว “น้ำเงิน” ถอยให้ “แดง” คงต้องมีการคุยกันอีกหลายยกระหว่าง “คนกุมอำนาจ”ของ “สองพรรค”

ยิ่งขึ้นชื่อว่า “นักเลือกตั้ง” คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ “ค่ายแดง”และ “ค่ายน้ำเงิน” จะสมยอมกันจนหลีกทางให้กันแบบง่ายๆ