ส่องแผน ‘ก้าวไกล’ วางหมาก คัมแบ็กสางแค้น ‘อนุรักษนิยม’
ที่สำคัญหาก “ก้าวไกล” ถูกยุบพรรคอีกครั้ง จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในสังคมค่อนข้างมาก อาจส่งผลกระทบด้านลบต่อ “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ได้ เพราะเชื่อได้ว่าจะดึงคะแนนนิยมจากเดิมที่มีเยอะอยู่แล้ว ให้มากกว่าเดิมอีก
KEY
POINTS
- ล้วงแผน “ก้าวไกล” วางฉากทัศน์สุดท้ายสู้คดียุบพรรค ถ้าผลเป็นบวกลุยต่อชื่อเดิม “ก้าวไกล”
- ถ้าผลลัพธ์เป็นลบ เตรียมพรรคสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว ใช้วิธี “เทคโอเวอร์” เหมือนเดิม
- เคลียร์ใจ “งูเห่า” เรียบร้อย ประชุมกันจน “ตกผลึก” พร้อมไปต่อใน “ยานพาหนะคันใหม่”
- แคนดิเดตหัวหน้าพรรค สส.มี “คนในใจ” กันหมดแล้ว เป็น สส.ชุดปัจจุบัน ไม่ใช่ “ดร.” ตามข่าวปล่อย
- “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ส่อเพลี่ยงพล้ำระยะยาว ถ้ายังดันทุรังเดินเกมยุบพรรคอยู่เรื่อยไปแบบนี้
วันที่ 7 ส.ค.67 “ดีเดย์” ของ “ค่ายสีส้ม” เพราะเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย คดียุบพรรคก้าวไกล กรณีกล่าวหาว่า ล้มล้างหรือปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) (2) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองฯ 2560 ซึ่งดำเนินยาวนานมาตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา
โดยสาเหตุที่พา “ก้าวไกล” มาถึงจุดนี้ เริ่มจากมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์-ก้าวไกล” มีนโยบายหาเสียงเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 หรือไม่ โดยปลายเดือนม.ค.2567 ศาลรัฐธรรมนูญมติเอกฉันท์ชี้ว่า “พิธา-ก้าวไกล” มีพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหาจริง โดยยกตัวอย่างเคสสำคัญคือ กรณี 40 สส.ร่วมกันลงชื่อยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในสภาฯชุดก่อน ทำให้ศาลสั่ง “พิธา-ก้าวไกล” ยุติการกระทำดังกล่าวโดยทันที
แต่เรื่องยังไม่จบเมื่อมีผู้ร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ไต่สวนเรื่องนี้ต่อว่า เข้าข่ายล้มล้างหรือปฏิปักษ์ต่อการปกครองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ โดย กกต.ใช้ระยะเวลาราว 3 เดือน ก่อนจะมีมติส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยประเด็นนี้
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์การ “ตีความ” ข้อกฎหมายของ กกต. โดย “พรรคส้ม” ยืนกราน พร้อมหยิบยกเอกสาร ข้อเท็จจริงต่าง ๆ มากางให้เห็นว่า กกต.เร่งรัดใช้ “ทางด่วน” ในการยื่นคำร้องครั้งนี้ เพราะปกติแล้วจะต้องมีการไต่สวนตามมาตรา 93 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองก่อน
ที่สำคัญในกระบวนการของ กกต.เรื่องนี้ก็มีการตั้งไต่สวนแล้ว แต่ที่ประชุม กกต.กลับใช้ช่องตามมาตรา 92 ยกเหตุอันควรสงสัย ยื่นคำร้องตรงถึงศาลรัฐธรรมนูญเลย ซึ่ง กกต.ตอบโต้ยืนยันเช่นกันว่า กระบวนการยื่นคำร้องครั้งนี้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง “คดียุบพรรค” มีความเคลื่อนไหว “คลื่นใต้น้ำ” ภายใน “พรรคส้ม” อย่างต่อเนื่อง โดยมีกระแสข่าวถูกปล่อยออกมาว่า บรรดา “สส.นกแล” เริ่มแปลงโฉมเป็น “งูเห่า” ดีลกับพรรคร่วมรัฐบาล หวังขอไปล่มหัวจมท้ายด้วยหาก “เรือสีส้ม” โดนจมอีกครั้ง
เบื้องต้น แกนนำพรรคก้าวไกล หลายคนยอมรับตรงกันว่า ภายในมี “งูเห่า” จริง แต่มิได้ระบุจำนวน ด้านความเคลื่อนไหวจากพรรคร่วมรัฐบาลขณะนั้น “เซย์ โน” ถึงเรื่องนี้ เนื่องจากเห็นว่าเสียงในสภาฯ ล่างยังเพียงพอ และไม่มีความจำเป็นต้องรับ “งูเห่า” มาเข้าร่วมให้ “เสียภาพลักษณ์”
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ศาลรัฐธรรมนูญ ขอพยานหลักฐาน และเอกสารจากคู่กรณีคือ กกต. และพรรคก้าวไกล รวมถึงขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น “ก้าวไกล” ได้ประชุม สส.-แกนนำพรรคภายในกันบ่อยครั้ง เพื่อ “กระชับอำนาจ” พร้อมๆ กับการเตรียม “ฉากทัศน์ใหม่” ถ้าพรรคถูกยุบอีกครั้ง
โดย “ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ” สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อยืนยันว่า พรรคได้เตรียม “ยานพาหนะใหม่” ไว้รองรับแล้ว หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นจริง
อย่างไรก็ดี ยานพาหนะคันใหม่ ตอนแรกดูท่าจะเหลว เพราะพรรคใหม่ที่ถูกเชื่อมโยงกล่าวถึงนั้น ถูกฝ่ายอนุรักษนิยมจับตาอย่างมาก จนกระทั่ง “สะดุดขาตัวเอง” เนื่องจากพลาดส่งงบการเงินไป 1 ครั้ง จนทำให้ถูกยุบพรรคในทางเทคนิคกฎหมายไปโดยปริยาย
แม้ว่าแกนนำพรรคก้าวไกล จะออกมาให้สัมภาษณ์ รวมถึงแถลงแสดงความมั่นใจในพยานหลักฐานการต่อสู้คดีของตัวเองบ่อยครั้ง แม้กระทั่งครั้งล่าสุดคือเมื่อ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรค แสดงความมั่นใจอย่างสุดขีด
โดยยืนยันว่าหลังวันที่ 7 ส.ค.67ซึ่งเป็นวันที่ศาลนัดฟังคำวินิจฉัยคดีนี้ จะกลับเข้ามาสภาฯ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านเหมือนเดิม เพื่อตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ได้แน่นอน
หนึ่งในสาเหตุที่ “ชัยธวัช” มั่นใจเช่นนั้น นอกเหนือจากพยานหลักฐานที่ส่งไปต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญที่ค่อนข้างแน่นหนา และชัดเจนโดยเฉพาะกระบวนการทางกฎหมายของ “กกต.” ที่อาจกระทำไปแบบ “ลัดขั้นตอน” ส่อเข้าข่ายยื่นคำร้องโดยมิชอบแล้วนั้น บรรดา “งูเห่า” ก็ดูเหมือนว่าจะเคลียร์ใจกันเรียบร้อยแล้วจำนวนหนึ่ง เหมือนที่ “ชัยธวัช” ให้ความมั่นใจว่า ตอนนี้ภายในได้คุยกันจน “ตกผลึก” เรียบร้อยแล้ว
ส่วนการตั้ง “พรรคสำรอง” ว่ากันว่าขณะนี้ก็เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน โดยล่าสุดรายงานข่าวจากพรรคก้าวไกล แจ้งว่า ถ้าผลของคำวินิจฉัยออกมาเป็นลบ พรรคถูกยุบ ได้เตรียมลู่ทางบ้านหลังใหม่ไว้แล้ว โดยจะไม่ใช้ชื่อ “ก้าวใหม่” ตามที่เคยมีข่าวสะพัดก่อนหน้านี้ แต่จะใช้โมเดลเดียวกันกับครั้งพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ที่ต่อมามีการย้ายไปอยู่พรรคผึ้งหลวง จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อ เป็นพรรคก้าวไกล
การข่าวระบุว่า ที่ผ่านมามีการไปพูดคุย เจรจา กับพรรคที่มีอยู่แล้วเพื่อเป็นพันธมิตรกัน ในการจะย้ายเข้าไปอยู่ จากนั้นค่อยให้สมาชิกพรรค หรือ สส.โหวตชี้ขาดว่า จะใช้ชื่อเดิมที่ย้ายไป หรือเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่คราวนี้แกนนำพรรคก้าวไกลปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อพรรคพันธมิตร เพราะเกรงว่าหากข่าวหลุดไปก่อน จะถูกเพ่งเล็ง เหมือนกับกรณีที่เคยเตรียมการจดแจ้งชื่อพรรคหนึ่งไว้ แต่สุดท้ายพรรคดังกล่าว ส่งงบการเงินผิดแค่วันเดียว ก็ถูกเลิกกิจการพรรคการเมือง มาแล้ว
ส่วนตัวเต็งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่ตอนแรกมี 3 ชื่อถูกโยนออกมาคือ “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย “ดร.ต้น” วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ทีมเศรษฐกิจทันสมัย เพื่อนรัก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ศาสดาสีส้ม และ“ดร.โจ” ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร สส.บัญชีรายชื่อป้ายแดง หนึ่งในทีมเศรษฐกิจทันสมัยเช่นกัน
ว่ากันว่า ขณะนี้ทั้ง 3 ชื่อยังมิได้ถูกเคาะทางการ โดยเฉพาะที่มีการปล่อยชื่อของ “ดร.” คนหนึ่งออกมาผ่านสื่อ และมีหลายสำนักรายงานกันไปก่อนหน้านี้ อาจไม่ใช่ “ตัวจริง” ที่จะก้าวขึ้นมานั่งหัวหน้าพรรค
ทว่าการเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่ตามกระบวนการแล้วต้องผ่านการโหวตเลือกของ สส.ในพรรคนั้น หลายคนยืนยันตรงกันว่ามี “คนในใจ” เรียบร้อยแล้ว โดยแทบทั้งหมดในพรรคเห็นตรงเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องเลือก “คนนี้” เท่านั้น ส่วนจะเป็นใคร มีการบอกใบ้เป็นนัยแค่ว่า ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สส. และมีบทบาทในสภาฯ ล่างอยู่
ที่สำคัญหาก “ก้าวไกล” ถูกยุบพรรคอีกครั้ง จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในสังคมค่อนข้างมาก อาจส่งผลกระทบด้านลบต่อ “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ได้ เพราะเชื่อได้ว่าจะดึงคะแนนนิยมจากเดิมที่มีเยอะอยู่แล้ว ให้มากกว่าเดิมอีก แถมด้วยการ “พีอาร์” ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวของ “คนรุ่นใหม่” เป็นไปได้ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำให้ “ก้าวไกล” ได้รับเลือกตั้งจนมี สส.อันดับ 1 ในสภาฯ อีกครั้ง
คราวนี้อาจทำให้กระแสการปลุกเกมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมถึงแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ ตามที่เคยหาเสียงเอาไว้ อาจทำให้เกิดแรงเสียดทานอย่างหนักส่งไปยัง “ฝ่ายอนุรักษนิยม” อย่างเลี่ยงไม่ได้อีกด้วย
นี่คือ ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของ “พรรคส้ม” ที่เผชิญชะตากรรม “ยุบพรรค” 3 ครั้ง โดนไปแล้ว 1 ครั้ง เหลือตัดสินอีก 1 ครั้ง จับตา 7 ส.ค.67 “ก้าวไกล” จะได้ไปต่อ หรือเหลือแต่ชื่อ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์