'อนุดิษฐ์'ชี้ข้อเสนอผู้ผลิต F-16 ตอบโจทย์ - เตือนทอ.ระวัง Offset ทิพย์

'อนุดิษฐ์'ชี้ข้อเสนอผู้ผลิต F-16 ตอบโจทย์ - เตือนทอ.ระวัง Offset ทิพย์

”อนุดิษฐ์“ เปิด EP.1 เกาะติดศึก ”F-16 vs. Gripen“ กระตุก ”ทัพฟ้า“ ได้งบฯเฉียด 2 หมื่นล. จัดหาเครื่องบินรบฝูงใหม่ ต้องได้ประโยชน์สูงสุด รับ 7 ข้อเสนอผู้ผลิต F-16 ดูดี ขอรอฟังของฝั่ง Gripen อีกที แนะเลือกนโยบายชดเชย Offset Policy ที่ทำสำเร็จ-จับต้องได้ เตือนระวัง ”Offset ทิพย์“

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต สส.กทม. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “EP 1: F-16 Block 70/72 (USA) VS  JAS 39 Gripen E/F (Sweden)” ซึ่งสาระสำคัญเป็นการติดตามการจัดหาเครื่องบินขับไล่เพื่อทดแทนฝูงบินเก่าที่กำลังจะปลดประจำการในปีงบประมาณ 2568 งบประมาณกว่า 1.9 หมื่นล้านบาทของ ทอ.

น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุตอนหนึ่งว่า ถ้าพูดถึงเรื่องการป้องกันประเทศด้วย กำลังทางอากาศ ผมจึงไม่ใช่ "เด็กที่ไม่รู้ความ" เพราะในชีวิตนักบินรบ 17 ปี ของผม เติบโตมาตามเส้นทางหลักของสายยุทธการ ตั้งแต่ศิษย์การบินจนถึงผู้บังคับฝูงบิน เหมือนกับท่านผู้บัญชาการทหารอากาศหลายท่าน และผมก็ผ่านการฝึกบินทางยุทธวิธีทั้งในและต่างประเทศ จึงมีประสบการณ์และความเข้าใจในเรื่องการใช้กำลังทางอากาศเป็นอย่างดี

“เมื่อทราบว่ากองทัพอากาศกำลังของบประมาณเกือบ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องบินรบฝูงใหม่ และมีตัวเลือกคือเครื่องบิน F-16 Block 70/72 ของสหรัฐอเมริกา กับเครื่องบิน JAS 39 Gripen E/F ของสวีเดน  ผมจึงอยากแสดงความเห็นและข้อมูลของผมในวันที่ผมไม่มีตำแหน่ง ไม่มีหัวโขนทางการเมือง ไม่ได้เป็นทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากงบประมาณแผ่นดิน ที่ ทอ.ต้องจ่ายออกไปจากการซื้อเครื่องบินในครั้งนี้” น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ

น.อ.อนุดิษฐ์ ได้หยิบยกข้อเท็จจริง 3 ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นที่ 1 ไม่ว่ากองทัพอากาศจะซื้อเครื่องบินรบรุ่นไหนก็ตาม เงินเกือบ 2 หมื่นล้านนี้จะซื้อได้ไม่เกิน 4 เครื่อง เพราะฉะนั้น หากซื้อจำนวน 12 เครื่อง เรากำลังพูดถึงเงินประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และถ้าขยับไปที่ 16 เครื่อง เรากำลังพูดถึงเงิน 8 หมื่นล้านบาท 

"ต้องยอมรับว่าภายใต้เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกที่ไม่ค่อยเอื้อกับประเทศไทยสักเท่าไร งบประมาณแผ่นดิน 6-8 หมื่นล้านนี้ เป็นเงินภาษีจำนวนมหาศาล ที่ต้องถูกใช้อย่างชาญฉลาด และตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของประเทศในทุกมิติ"

ประเด็นที่ 2 ผมชอบเครื่องบินทั้ง 2 แบบ ดังนั้นใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ และคิดว่าผมจะเลือกเชียร์ยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ จะได้ไม่ต้องอ่านต่อ  เพราะผมเชื่อว่าสุดท้ายไม่ว่า ทอ.จะเลือกซื้อเครื่องบินรุ่นไหน ก็น่าจะตอบโจทย์ทางยุทธการได้ใกล้เคียงกัน 

รวมทั้งเครื่องทั้ง 2 แบบ ยังเป็นเครื่องบินที่มีประจำการใน ทอ.อยู่แล้วทั้งคู่ แต่ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้ความจำเป็นทางด้านยุทธการ ก็คือผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะต้องตัดสินใจให้ได้ว่า ระหว่างสหรัฐอเมริกากับสวีเดน ใครให้ประโยชน์กับประเทศไทยได้มากที่สุดต่างหาก

“การจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ต่างๆใน พ.ศ.นี้ แตกต่างจากในอดีต ที่อาจจะคำนึงถึงเฉพาะมิติด้านประสิทธิภาพ และความมั่นคงของประเทศ หรือความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นสำคัญ แต่มาวันนี้การจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงมิติทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งผลตอบแทนที่จะมาสู่ภาครัฐ รวมทั้งการถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ควบคู่กันไปด้วย” น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ
 

ประเด็นที่ 3 น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุถึง นโยบายชดเชย (Offset Policy) ในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ว่าคือ นโยบายที่ประเทศผู้ซื้อยุทโธปกรณ์ตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติมจากการซื้อหรือนำเข้ายุทโธปกรณ์ตามปกติ เพื่อให้ผู้ขายต้องชดเชยผลประโยชน์ตอบแทนกลับมายังประเทศผู้ซื้อผ่านกิจกรรมทางเศรษฐกิจในรูปแบบต่าง ๆ โดยจะต้องมีมูลค่าเป็นสัดส่วนขั้นต่ำตามที่รัฐบาลผู้ซื้อกำหนดในสัญญา

โดยนโยบายชดเชย แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. การชดเชยโดยตรง (Direct Offset) คือ การชดเชยที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสินค้าในสัญญานั้น ๆ เช่น การเข้ามาลงทุนเพื่อเปิดสายการผลิตสินค้าหรือชิ้นส่วน การผลิตร่วมกัน หรือการผลิตตามใบอนุญาตการอนุญาตขายสิทธิบัตรหรือใบอนุญาต และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นต้น
 
และ 2. การชดเชยโดยอ้อม (Indirect Offset) คือ การชดเชยที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินค้านั้น ๆ แต่เป็นการช่วยเหลือส่งเสริมด้านอื่น ๆ เช่น การให้คำปรึกษา การวิจัยร่วมกัน การให้งบประมาณช่วยเหลือด้านการศึกษา การอบรม การดูงาน การฝึกการใช้งาน และการซ่อมบำรุง เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม การชดเชยทั้ง 2 แบบไม่สามารถแยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด และในการทำสัญญาหนึ่งอาจมีการชดเชยทั้ง 2 ประเภทอยู่ในสัญญาได้
 
"ผมเห็นข่าวว่า ล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่ F-16 แถลงข่าวพร้อมมอบข้อเสนอชดเชยทางเศรษฐกิจ (Offset / a robust industrial participation proposal) โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับเครื่องบินรบ เช่น การช่วยยกระดับ Datalink ให้กับไทยเพิ่มเติม"

โดยการพัฒนาศูนย์วิจัยและอบรมแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบินรบ ตลอดจนโอกาสในการให้ไทยเป็นศูนย์การผลิตชิ้นส่วน (Supply Chain) ให้กับ Lockheed Martin เมื่ออ่านข้อเสนอทั้ง 7 ข้อแล้ว เห็นว่าเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับไทยแน่นอน แต่ก็ยังมีหลายข้อที่ลอยๆ ไม่ชัดเจน ซึ่งจะนำมาอธิบายให้ฟังใน EP ต่อๆไป แต่ที่สำคัญก็คือคงต้องรอฟังข้อเสนอของ Saab ผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่ Gripen ด้วย ว่าจะเสนอนโยบายชดเชยมากันอย่างไรบ้าง

“เพราะที่ผ่านมาการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของทุกเหล่าทัพ เคยมี นโยบายชดเชย Offset Policy ที่ทำสำเร็จ จับต้องได้ และนโยบายออฟเซตทิพย์ ที่แหกตาคนอนุมัติมาแล้ว ผมจึงอยากเชิญชวนผู้ที่สนใจมาติดตามเรื่องเหล่านี้ไปพร้อมๆกัน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์ ขอให้คอยติดตาม EP.2 ไปด้วยกันนะครับ“ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว