สิงหา ‘3 ฉากทัศน์’ จุดพลิก ‘ทักษิณ-เนวิน’ ดุลสีแดง-น้ำเงิน

สิงหา ‘3 ฉากทัศน์’ จุดพลิก   ‘ทักษิณ-เนวิน’ ดุลสีแดง-น้ำเงิน

สิงหาจับตา “3 ฉากทัศน์”สำคัญ จุดพลิกดุลอำนาจ “สภาล่าง-สภาสูง” แดง-น้ำเงิน เกมสมประโยชน์ “ทักษิณ-เนวิน” ยังไม่จบนะครับนาย! 

KEY

POINTS

  • สิงหา “3 ฉากทัศน์”สำคัญ จุดพลิกกระดานการเมือง
  • ดุลอำนาจนิติบัญญัติ “สภาล่าง-สภาสูง” แดง-น้ำเงิน เกมสมประโยชน์
  • “ทักษิณ-เนวิน” ยังไม่จบนะครับนาย! 

การเมืองเปลี่ยนผ่านจากยุค 3 ป.เข้าสู่ยุค “สามก๊ก” แดง น้ำเงิน ส้ม อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ต่างจากดุลอำนาจทั้ง “สภาล่าง-สภาสูง” ที่ ในเวลานี้กำลังปรับเปลี่ยนดุลอำนาจกันขนานใหญ่ 

อ่านกระดานการเมืองเวลานี้ ต้องจับตาไปที่ “3 ฉากทัศน์”สำคัญ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือน ส.ค. 

ไม่ว่าจะเป็น คดียุบพรรคก้าวไกล  ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรค กรณีถูกกล่าวหาล้มล้าง หรือปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง ในวันที่ 7 ส.ค.นี้

รีแอ็กชั่นของพรรคก้าวไกลเวลานี้ ยังหวังว่า ข้อหักล้าง รวมถึงพยานปากสำคัญ โดยเฉพาะความเห็นของ “สุรพล นิติไกรพจน์”

นักกฎหมายมหาชน 1 ใน 11 พยานจะเป็นจุดพลิกเกมให้ผลออกมาเป็นบวก

ตรงกันข้าม โอกาสที่ผลจะออกมาเป็นลบ คือพรรคก้าวไกลถูกยุบ ก็ยังมีสูงเช่นเดียวกัน 

สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวบรรดาพรรคการเมืองทั้งค่ายส้ม ที่เตรียมพรรคสำรอง ปั้นผู้นำพรรคคนใหม่ ไม่ต่างจากบรรดาพรรคการเมืองขั้วตรงข้าม ที่หวังให้เกิดปรากฎการณ์ผึ้งแตกรัง หวังช้อนเข้าค่าย เพิ่มอำนาจต่อรองให้กับตัวเอง

โดยเฉพาะ “ลุงบ้านป่าฯ” ที่เล่นบทเปิดบ้าน อ้าแขนรับ สส.ที่ว้าเหว่ รวมไปถึงกลุ่มงูเห่าสีส้มมาเติมเสียงให้กับพรรค

สิงหา ‘3 ฉากทัศน์’ จุดพลิก   ‘ทักษิณ-เนวิน’ ดุลสีแดง-น้ำเงิน

ฉากทัศน์ถัดมา 14 ส.ค. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยคดีที่ “40 สว.” ยื่นฟ้อง “เศรษฐา ทวีสิน”นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

หากผลเป็นบวก “เศรษฐา” รอดพ้นบ่วง ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ย่อมส่งผลไปถึงเก้าอี้เบอร์ 1 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด 

ทว่า ในทางตรงกันข้าม หาก “เศรษฐา” ไม่รอด ย่อมส่งผลไปถึงเก้าอี้ “นายกฯ” เป็นอันต้องสะดุดหยุดลง ลามไปถึงสถานะของ “เพื่อไทย” ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกด้วย

แน่นอนว่า หากผลเป็นไปในทางลบ ไม่เพียงแต่จะส่งผลไปถึงเก้าอี้นายกฯ แต่อาจหมายรวมไปถึงการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี 

เมื่อไล่เรียงลำดับ “แคนดิเดตนายกฯ”พรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้ พรรคเพื่อไทย มีแคนดิเดตนายกฯ 2 คนคือ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งมีสัญญาณว่ายังไม่พร้อมขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ต่อจาก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้เป็นอา และชัยเกษม นิติสิริ ที่ติดปัญหาเรื่องสุขภาพ 

เป็นเช่นนี้ จึงมีการจับตาไปที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล”  รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคลำดับสองในซีกรัฐบาล 

แม้ยามนี้บรรดาคีย์แมนรัฐบาล ยังเชื่อว่า คำวินิจฉัยในวันที่ 14 ส.ค.นี้ จะเป็นไปในทิศทางบวก โดยเฉพาะ “มท.หนู” ที่บอกว่า ให้กำลังใจ “เศรษฐา” รอดคดี และยังไม่คิดเป็นนายกฯแทน

แต่เชื่อได้เลยว่า หลังวันที่ 14 ส.ค.นี้ การเมืองน่าจะได้เห็นสัญญาณบางอย่าง ออกมาเป็นระยะอย่างแน่นอน 

สิงหา ‘3 ฉากทัศน์’ จุดพลิก   ‘ทักษิณ-เนวิน’ ดุลสีแดง-น้ำเงิน

อีกฉากทัศน์ ที่ต้องไม่ลืมคือการพ้นโทษของ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่เพื่อไทยในวันที่ 22 ส.ค.นี้ สัญญาณชัดเจนมาตั้งแต่การลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ เมื่อ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา 

ทักษิณประกาศชัดเตรียมออกสู่หน้าฉากอย่างเต็มตัว “หลังจากเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ผมจะขอทำงาน มีรูปธรรมออกมา”

บรรยากาศการเปิดบ้านจันทร์ส่องหล้า ฉลองเบิร์ธเดย์ ครบรอบ75กระรัต และเป็นการฉลองครั้งแรกในรอบ17ปี ที่อบอวลไปด้วยคนในตระกูลชินวัตร รวมไปถึงพลพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง น่าจะเป็นคำตอบแล้วว่าว่าฉากทัศน์หลังวันที่22ส.ค.นี้จะดำเนินอย่างไร

แม้อดีตนายกฯ จะยืนยัน “ไม่รับตำแหน่งทางการเมือง” ก็ตาม

สิงหา ‘3 ฉากทัศน์’ จุดพลิก   ‘ทักษิณ-เนวิน’ ดุลสีแดง-น้ำเงิน

 ทั้ง 3 ฉากทัศน์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนส.ค. ย่อมส่งผลไปถึงเกมพลิกกระดานหลังจากนี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ไม่แปลก ซึ่งช่วงที่ผ่านมา จะปรากฎภาพ “ปฎิญญาเขาใหญ่” เมื่อ “ทักษิณ” ไปพักผ่อนที่แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท เขาใหญ่ พร้อมสส.และรัฐมนตรีพรรค รวมถึงนายทุน ร่วมเฟรม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี “เสี่ยหนู อนุทิน” ในฐานะเจ้าของบ้านให้การต้อนรับ

ไม่ต่างจากปมร้อน-ชนวนร้าว ที่ดูเหมือนจะคลี่คลายในฉับพลัน โดนเฉพาะนโยบายกัญชา “เรือธงสีน้ำเงิน” ซึ่งก่อนหน้าภูมิใจไทยถูกดับฝัน ดันปลดล็อกกัญชา กระทั่งเกิดวิวาทะระหว่าง 2 เจ้ากระทรวง 2 พรรค ทั้งอนุทิน จากภูมิใจไทย และสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข จากพรรคเพื่อไทย 

ที่กลับไปใช้การออก พ.ร.บ.ควบคุม และเวลานี้มีร่างของพรรคภูมิใจไทยค้างอยู่ในสภาฯ รอบรรจุเข้าสู่การพิจารณาวาระแรก 

จากเดิมแผนคืนกัญชาเป็นยาเสพติดของรัฐมนตรีสมศักดิ์  ยังต้องไปลุ้นมติที่ประชุม “คณะกรรมการป.ป.ส.” ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมในช่วงปลายเดือนนี้ถึงเวลานี้อาจไม่ต้องลุ้นอีกต่อไป 

นาทีนี้มีการพูดไปถึงขั้นดุลอำนาจที่เปลี่ยนไปใน “สภาสูง-สภาล่าง”  ระหว่างพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล ซึ่งมีเสียงในสภาล่าง 148 เสียง บวกเสียงสภาสูงประปรายไม่ถึง10 เสียง กับ ภูมิใจไทยที่สวมบทพระรองเป็นพรรคลำดับสอง แต่กลับถือเสียง 2 สภาทะลุ 200 เสียง 

แน่นอนต้องจับตาไปถึงเกมต่อรอง โดยเฉพาะบรรดากฎหมายเรือธงที่ค้างคาอยู่ในสภาฯเวลานี้ในวันที่สีน้ำเงินถือไพ่เหนือในดุลอำนาจนิติบัญญัติ

ที่น่าสนใจคือ คดีความพรรคภูมิใจไทย ที่มีผลต่อเนื่องมาจากคดี“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และอดีต รมว.คมนาคม ถือหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยมิชอบ

ทั้งคดีจริยธรรมร้ายแรง ที่ค้างคาอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) หรือคดียุบพรรค ที่อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งจนถึงเวลานี้ ยังอยู่แค่ขั้นตอนการขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าเงินบริจาคพรรคภูมิใจไทย เป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 

เทียบเคียงกับกรณีเงินบริจาค “พรรคพลังประชารัฐ” ประเด็นความเชื่อมโยงกับทุนสีเทา ซึ่งมีการถามไปยัง ป.ป.ง. แต่จนถึงขณะนี้ เรื่องยังเงียบสนิท กว่าจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ กกต.เรียกพยานหลักฐาน รวมถึงเปิดไต่สวน และกว่าจะวินิจฉัย ว่าจะยื่นยุบพรรคหรือไม่ เส้นทางยังอีกยาวไกล 

จากเดิมซึ่งมีการประเมินว่า “พรรคสีน้ำเงิน” อาจเพลี่ยงพล้ำจากบ่วงร้อนดังกล่าว ทำไปทำมา เวลานี้กลับตาลปัตร โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์พลิกผัน ได้คุมเสียงในสภาสูงเบ็ดเสร็จ ซ้ำยังมีอำนาจในการเฟ้นหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระเหล่านี้  

ยิ่งปีนี้จะมีกรรมการป.ป.ช.ที่ครบวาระในเดือน ธ.ค.3 คน และจะต้องเข้าสู่กระบวนการสรรหาของสภาสูง และในปีหน้าจะมีกรรมการ กกต.ที่ครบวาระอีก 5 คน ต้องมีการสรรหาใหม่เช่นกัน 

 ไม่แปลก หากในยามนี้หาก“คีย์แมนสีน้ำเงิน”จะกางปีก สวมบท“ผู้กุมอำนาจ”เสมือนไม่มีบ่วงร้อนคล้องอยู่ โดยเฉพาะ“อนุทิน ชาญวีรกูล”ที่ถูกจับตามาโดยตลอด ถึงตำแหน่งสูงสุดในชีวิต 

สิงหา ‘3 ฉากทัศน์’ จุดพลิก   ‘ทักษิณ-เนวิน’ ดุลสีแดง-น้ำเงิน

ไม่ต่างจาก“เนวิน ชิดชอบ”ในฐานะผู้นำความคิดค่ายสีน้ำเงิน ภายใต้สัญญาณขยับฉากที่เกิดขึ้นในเวลานี้

โดยเฉพาะการโชว์แสนยานุภาพผ่าน “บิ๊กอีเวนต์” กลางสนามช้างอารีนา จ.บุรีรัมย์ ในวันที่28ก.ค.นี้ แน่นอนว่า จังหวะก้าวย่างของ “นายใหญ่สีน้ำเงิน” ย่อมทิ้งไว้ซึ่งนัยสำคัญอย่างน่าสนใจ

เมื่อ “นายห้างสีแดง” และ“นายใหญ่ค่ายน้ำเงิน”  ยังมีเสี้ยนหนามคือพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกัน สัมพันธ์ของ2นายใหญ่ยามนี้อาจจำต้องร่วมหัวจมท้ายกันไปก่อน ยังไม่จบนะครับนาย! 

ต้องจับตาการเมือง ณ วันนี้ ยังอยู่ในช่วงพัลวันพัลเก เนื่องจากต้องรอลุ้นอีกหลากหลายปัจจัย แต่เชื่อได้เลยว่า หลังผ่านพ้น“3 ฉากทัศน์” ในเดือน ส.ค.นี้ จะได้เห็นอะไร ต่อมิอะไรอีกมาก