ภท.เบ็ดเสร็จ ‘ก.คลองหลอด’ เกมวางหมาก ‘ปูทางเลือกตั้ง’
ฤดูกาลแต่งตั้ง - โยกย้ายประจำปี 2567 สัญญาณ “สีน้ำเงิน” กระชับอำนาจกระทรวงมหาดไทย วางหมากสู้การเมืองระยะยาว จับตา “ปรับ ครม.” กระทรวงคลองหลอดที่เวลานี้แบ่งดุลอำนาจ “3 สิงห์น้ำเงิน -1 สิงห์แดง” ถึงคราวเขย่า?
KEY
POINTS
- ฤดูกาลแต่งตั้ง-โยกย้ายประจำปี 2567 สัญญาณ “สีน้ำเงิน”กระชับอำนาจกระทรวงมหาดไทย
- “อธิบดีป๊อบ” เหลืออายุราชการอีกยาวนานถึง 7 ปี กว่าจะเกษียณในปี 2574 ดังนั้นในเกมอำนาจ แน่นอนว่าย่อมเป็นผลดีในระยะยาว ในยุคที่ “สีน้ำเงิน” ครองโควตากระทรวงมหาดไทย
- ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ สายตรงบ้านใหญ่บุรีรัมย์ กับสัญญาณเลือกตั้งท้องถิ่นพรรคใด ส่งคนเข้าไปคุมกรมการปกครองได้ ย่อมถือแต้มต่อทางการเมืองเป็นธรรมดา
- จับตาช็อตต่อไป ท่ามกลางสัญญาณ “ปรับครม.” ที่ดังขึ้นเป็นระยะ กระทรวงคลองหลอดที่เวลานี้แบ่งดุลอำนาจ “3 สิงห์น้ำเงิน - 1 สิงห์แดง”
เข้าสู่ฤดูกาลแต่งตั้ง-โยกย้ายประจำปี 2567 สัญญาณ “สีน้ำเงิน” กระชับอำนาจกระทรวงมหาดไทย
ตอกย้ำชัดด้วยบัญชีแต่งตั้ง “สิงห์คลองหลอด” บิ๊กล็อต ไล่ตั้งแต่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย แทน “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้ โดยปรากฏชื่อของ “อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์” อธิบดีกรมการปกครอง เตรียมขึ้นแท่นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่
สำหรับชื่อของ “อธิบดีป๊อบ” ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะปรากฏชื่อ “ 1 ใน 3” ตัวเต็งขึ้นแท่นปลัดมหาดไทยคนใหม่มาตั้งแต่ต้น
อีกทั้งยังจบจากรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็น "สิงห์ดำ" รุ่น 42
ช่วงที่ผ่านมา มักปรากฏภาพ “อธิบดีป๊อบ” อยู่ใกล้ชิด ติดตาม “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย
ผลงานเป็นมือไม้ สนองงานอย่างดี ตามนโยบายจัดระเบียบสังคม ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า สถานบริการเปิดเกินเวลา ผู้ใช้บริการอายุไม่ถึงตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล
ที่สำคัญ “อธิบดีป๊อบ” เหลืออายุราชการอีกยาวนานถึง 7 ปี กว่าจะเกษียณในปี 2574 ดังนั้นในเกมอำนาจ แน่นอนว่าย่อมเป็นผลดีในระยะยาว ในยุคที่ “สีน้ำเงิน” ครองโควตากระทรวงมหาดไทย
เหนือไปกว่านั้น ยังต้องจับตารายชื่อ “บิ๊กล็อต” สิงห์คลองหลอด ที่จะทยอยเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ต่อจากนี้ โดยคาดว่าจะเป็นในช่วงกลางเดือน-ปลายเดือน ส.ค.นี้
โฟกัสตำแหน่งสำคัญ อาทิ “ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์” อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ก่อนหน้านี้ ปรากฏชื่อเป็น “เต็งหนึ่ง” ที่จะขึ้นแท่นปลัดกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากเป็นสายตรง “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” ชีวิตราชการเติบโตในพื้นที่อีสานใต้ ตำแหน่งก่อนหน้า เคยเป็นรองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ก่อนขยับขึ้นผู้ว่าฯ บุรีรัมย์
ทว่า “ไชยวัฒน์” ที่แม้จะเป็นสายตรงบ้านใหญ่บุรีรัมย์ แต่เขาถือเป็น “สิงห์ไม่มีสี” เนื่องจากไม่ได้จบรัฐศาสตร์ หรือเป็นศิษย์ในรั้วสิงห์ดำ-สิงห์แดง-สิงห์ทอง แต่จบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
แม้ก่อนหน้าไชยวัฒน์จะแหวกเข้าป้าย “อธิบดี ปภ.” มาได้อย่างฉลุย แต่เป็นที่รู้กันกรม ปภ. ซึ่งแต่เดิมถูกผูกขาดด้วย “สิงห์ดำ” มาตลอด เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย
ฉะนั้นหากดัน “ไชยวัฒน์” ที่แม้จะได้ในเรื่องลำดับอาวุโส เนื่องจากเหลืออายุราชการปีเดียว จะเกษียณอายุในปี 2568 ขึ้นเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่ แต่การเป็น “สิงห์ไม่มีสี” ของเขานี้เอง ย่อมส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมในกระทรวงคลอดหลอดแน่ โดยเฉพาะขั้วอำนาจสิงห์ดำ ที่ครองอำนาจอยู่แต่เดิม
จุดนี้จึงอาจเป็นเหตุผลให้ “นายใหญ่สีน้ำเงิน” ต้องปรับเกมดัน “ไชยวัฒน์”ไปนั่งอธิบดีกรมการปกครอง(ปค.)ซึ่งเป็นของ"อรรษิษฐ์" แต่เดิมแทน
จริงอยู่ แม้ “อธิบดี ไชยวัฒน์” จะเหลืออายุราชการแค่ปีเดียว แต่การได้คุมกรมการปกครอง ก็ถือเป็นไม้เป็นมือในการต่อยอดทางการเมืองได้เช่นเดียวกัน
อย่าลืมว่า เวลานี้เริ่มมีสัญญาณชักธงรบ "เลือกตั้งท้องถิ่น" นั่นคือ สนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(นายก อบจ.) ที่หลายจังหวัดทยอยลาออก เพื่อชิงความได้เปรียบก่อนครบวาระ ส่วนพื้นที่ ที่เหลือจะได้เห็นการต่อสู้ฟาดฟันเต็มรูปแบบในช่วงสิ้นปีนี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากพรรคใด ส่งคนเข้าไปคุมกรมการปกครองได้ ย่อมถือแต้มต่อทางการเมืองเป็นธรรมดา ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้ว ชัดเจนที่สุดคือ การเลือกสว.ชุดล่าสุด ที่เกิดปรากฏการณ์สีน้ำเงินผงาดกุมอำนาจสภาสูง
อีกตำแหน่งที่ต้องจับตา คือ “ขจร ศรีชวโนทัย” อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ก่อนหน้านี้ มีเสียงเล่าลือว่าเป็น 1 ใน 3 ตัวเต็ง “ปลัดคลองหลอด” ซึ่งนอกจากจะเป็นสิงห์ดำ รุ่นเดียวกับ “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ แล้ว ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.กับ มท.หนูอีกด้วย
ตามโผใหม่ “ขจร” จะสลับไปนั่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยในปีสุดท้ายก่อนเกษียณฯ ในปี 2568 แล้วปรับ "ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม" ผู้ว่าฯ นครราชสีมา คัมแบ็กมาเป็นอธิบดี สถ.แทน
ในส่วนของ “ชัยวัฒน์” นั้น เหลืออายุราชการ 3 ปี ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน(พช.)โดยถูกจับตาว่า อยู่ในลิสต์ที่จะขึ้นแท่นปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่ถูกดับฝัน โยกย้ายไปเป็นผู้ว่าฯ นครราชสีมา
เวลานั้น แม้ “ปลัดสุทธิพงษ์” จะชิงสยบข้อครหา เตะตัดขา “ชัยวัฒน์” พ้นไลน์ขยับขึ้นแท่นปลัดกระทรวง โดยอ้างว่าเป็นการย้ายกลับภูมิลำเนาของภรรยา และตำแหน่งดังกล่าวเป็นระนาบเดียวกันคือ ข้าราชการระดับ 10
ทั้งที่ในข้อเท็จจริง หากเปรียบเทียบการบริหารงานระหว่างอธิบดี พช.และผวจ.นครราชสีมา ซึ่งคุมการบริหารงานทั่วประเทศ และคุมงานเฉพาะจังหวัด วัดบารมี และอำนาจแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ในส่วนของ “ผู้ว่าชัยวัฒน์” ปัจจุบัน เหลืออายุราชการ 3 ปี เส้นทางชีวิตที่เคยรุ่งโรจน์ และได้รับการสนับสนุนจาก“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตรมว.มหาดไทย ยุครัฐบาล คสช. ด้วยเหตุที่ว่าเคยเป็นหัวหน้าสำนักงาน รมว.มหาดไทย ในยุคนั้น
เมื่อการเมืองเปลี่ยนหัว แม้เวลานี้จะถูกโยกย้ายกลับคืนมายังส่วนกลาง ในตำแหน่ง "อธิบดีกรม สถ." ต้องจับตาอายุราชการอีก 3 ปีที่เหลืออธิบดีชัยวัฒน์ จะมีโอกาสโลดแล่นมากน้อยเพียงใด
ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆ ที่เหลือ จะมีทั้ง นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ จะมานั่งในอธิบดี ปภ. แทน “ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์” แล้วโยก อนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ มาเป็นผู้ว่าฯ บุรีรัมย์
สยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน(พช.) จะถูกโยกไปเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ สลับกับ นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าฯเชียงใหม่ มาเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนแทน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้ ย่อมสะท้อนถึงการวางหมากการเมืองของ “คีย์แมนสีน้ำเงิน” ที่คุมกระทรวงคลองหลอดแบบเบ็ดเสร็จ โดยหวังผลไปถึงการเมืองระยะยาวต่อจากนี้
ที่ต้องจับตาช็อตต่อไป ท่ามกลางสัญญาณ “ปรับ ครม.” ที่ดังขึ้นเป็นระยะ กระทรวงคลองหลอดที่เวลานี้แบ่งดุลอำนาจ “3 สิงห์น้ำเงิน - 1 สิงห์แดง” ระหว่างภูมิใจไทยและเพื่อไทย จะมีสัญญาณรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ส่งผลไปถึงการขยับดุลอำนาจหลังจากนี้หรือไม่ ต้องติดตาม
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์