แกะรอย ‘พรรคกล้าธรรม’(นัส) ‘นฤมล’ แตกทัพ พลังประชารัฐ

จู่ๆ “ดร.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โผล่มาเทคโอเวอร์ “พรรคกล้าธรรม” จัดประชุมใหญ่วิสามัญ เลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายหลังจาก “เชวงศักดิ์ ใจคำ” ลาออกจากหัวหน้าพรรคกล้าธรรม เมื่อ 17 ก.ค.2567

ก่อนหน้านี้ “นฤมล” เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของ “พรรคพลังประชารัฐ” เป็นคนใกล้ชิดที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไว้วางใจมากที่สุดคนหนึ่ง

ยิ่งในช่วงที่บารมีทางการเมืองของ “ประวิตร” เบ่งบาน “นฤมล” มักปรากฏตัวข้างกายเสมอ แถมยังเป็นคนจัดคิวงานบ้านป่าฯ ให้ “บิ๊กการเมือง-สส.พลังประชารัฐ” เข้าพบบิ๊กป้อม

การเลือกตั้งปี 2562 “นฤมล” ร่วมทีมเทคโนแครตกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกฯ กรุยทางเข้าสู่การเมือง จนกระทั่งดำรงตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ ต่อด้วยตำแหน่งโฆษกรัฐบาล

ที่สำคัญ “นฤมล” ใช้เวลาไม่ถึงขวบปี ได้รับการผลักดันจาก “ประวิตร” ให้ดำรงตำแหน่ง “รมช.แรงงาน” ก่อนจะโดน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงดำรงตำแหน่งนายกฯ ปลดฟ้าผ่า พร้อมกับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เนื่องจากมีกระแสข่าวฟอร์มทีมล้มเก้าอี้นายกฯ

อย่างไรก็ตาม “นฤมล” ไม่ได้ห่างหายไปจากการเมือง แต่เจ้าตัวซุ่มอยู่ใน “บ้านป่า” รอจังหวะกลับคืนสู่เก้าอี้อำนาจ โดยมี “ธรรมนัส” คอยเป็นแบ็คอัพ วางเกม-วางตัว ให้อยู่ข้างกาย “ประวิตร” ทำหน้าที่เฝ้าดูทุกความเคลื่อนไหวของ “นายป้อม”

หลังการเลือกตั้งปี 2566 “พลังประชารัฐ” ได้อยู่ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย “นฤมล” ได้รับการผลักดันจาก “ธรรมนัส” อีกเช่นเคย ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ และขยับขึ้นเป็น "ผู้แทนการค้าไทย"

กระทั่งวันที่ 6 ส.ค.67 ที่โรงแรมโกลเดนท์ ทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพฯ “นฤมล” เข้าร่วมประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2567 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการพรรคชุดใหม่  

ปรากฏว่าที่ประชุม มีมติสนับสนุนให้ “นฤมล” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยมี “สัจจวิทย์ ลีลาวณิชย์” นั่งเลขาธิการพรรค 

จะว่าไปแล้ว พรรคกล้าธรรม ก็ไม่ใช่พรรคใหม่ หากแต่เป็น “พรรคเศรษฐกิจไทย” ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเมื่อปีที่แล้ว

ดูรายชื่อกรรมการบริหารพรรคกล้าธรรม ก็คือ คนชุดเดียวกันที่เข้ามาบริหารพรรคเศรษฐกิจไทย เมื่อปลายปี 2565 เพียงเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก เชวงศักดิ์ ใจดำ อดีตนายอำเภอดอกคำใต้ เป็น นฤมล ภิญโญสินวัฒน์

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคกล้าธรรมเป็นสาขาของพรรค “พลังประชารัฐ” แต่อยู่ในปีกของ “ธรรมนัส” ไม่ได้ขึ้นตรงกับ “ประวิตร” 

เมื่อนักข่าวเจอหน้า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาฯ พรรคพลังประชารัฐ จึงถามเรื่องพรรคกล้าธรรม โดยยอมรับว่า เป็นพรรคเดิมของพรรคเศรษฐกิจไทย แต่ไม่ใช่พรรคสำรองของพลังประชารัฐ และตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย

เมื่อไล่ชื่อกรรมการบริหารพรรค ทั้ง วิชัย เป็นพนัสสัก กิจภพ กัณฑมิตร ธีระศักดิ์ สิทธิชัยธนะกิจ ธัศชล บุญแสนไชย คำแปง ทำนา ประสิทธิ์ หนักตื้อ พนัฐดา กันทา รวมทั้ง อลงกรต พรมขัตแก้ว เหรัญญิกพรรค ศุภกิต ปัญญา นายทะเบียนสมาชิกพรรคล้วนเป็นนักการเมืองท้องถิ่น จ.พะเยา ฐานการเมืองของ “ธรรมนัส”

โดยเฉพาะ “สัจจวิทย์ ลีลาวณิชย์” เลขาธิการพรรคกล้าธรรม เป็นรองนายกเทศมนตรีเมืองพะเยา เชวงศักดิ์ ใจคำ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม คนแรก เป็นอดีตนายอำเภอดอกคำใต้ จ.พะเยา “สายพ่อตาธรรมนัส” และ “อลงกรต พรมขัตแก้ว” เหรัญญิกพรรค รองนายกเทศมนตรีเมืองดอกคำใต้ จ.พะเยา

พรรคกล้าธรรม ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก พรรคเศรษฐกิจไทย จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อ 7 เม.ย.2563 โดยมีประสงค์ วรารัตนกุล เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก

ถ้ายังจำได้ วันที่ 19 ม.ค.2565 คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และเพื่อน สส. อีก 20 คน ออกจากพรรค ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส และพวก ได้ย้ายเข้าไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย และช่วงกลางปีเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัสเป็นหัวหน้าพรรค สืบต่อจาก พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ลาออกไปก่อนหน้านั้น

วันที่ 10 ต.ค.2565 มีการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ จ.พะเยา มีมติเห็นชอบเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แทนชุดเดิมที่พ้นตำแหน่ง เนื่องจากธรรมนัส ลาออกจากหัวหน้าพรรค

ที่ประชุมพรรคได้เลือก เชวงศักดิ์ ใจคำ อดีตนายอำเภอดอกคำใต้ เป็นหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นเมืองพะเยา และมีการย้ายที่ทำการพรรคไปอยู่ จ.พะเยา จึงถูกเรียกขานว่า “พรรคคนพะเยา”

วันที่ 25 เม.ย.2566 พรรคเศรษฐกิจไทยได้จัดประชุมใหญ่ แก้ไขข้อบังคับพรรคโดยเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคเป็นพรรคกล้าธรรม

พลันที่ปรากฏชื่อ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั่งหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ซึ่งก็คือพรรคเศรษฐกิจไทย กูรูการเมืองจึงฟันธงว่า นี่คือ พรรคฉุกเฉินของกลุ่มผู้กอง

เมื่อโจทย์ของ “นายใหญ่” คือการเอา “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่ สส.พลังประชารัฐ 40 คน อยู่ในสายของ “ประวิตร” 20 คน และสายตรง “ธรรมนัส” 20 คน จึงมีปัญหา ไม่สามารถออกจากพลังประชารัฐมาได้ เพราะต้องมีมติขับออกเท่านั้น ถึงจะคงสถานะ สส.เอาไว้ได้

ดังนั้น “ธรรมนัส” มี สส. ไม่เกิน 20 คน จะทำให้ “ขั้วรัฐบาล” เสียงหายไป จึงมีกระแสข่าว “นายใหญ่” ทาบทาม “ประชาธิปัตย์” ให้เข้าร่วมรัฐบาล โดยมี 21 เสียง มาเพิ่มส่วนที่ขาด

ทว่า “ธรรมนัส” ไม่ยอมเสียโควตารัฐมนตรีให้ “ประชาธิปัตย์” โดยมีกระแสข่าวออกมาว่าพยายามขอแรงจาก “พรรคสีน้ำเงิน” ให้ช่วยกีดกัน แต่งานนี้ “สีน้ำเงิน” ขออยู่นิ่ง ไม่บาดหมางกับ “ประวิตร”

กลเกมเทคโอเวอร์ “พรรคกล้าธรรม” จึงถูกชงในวงลับๆ ของ “ทีมธรรมนัส” ก่อนจะเซตอัพเร่งด่วน เปิดตัวอย่างรวดเร็ว

ว่ากันว่า ภารกิจของ “กล้าธรรม” ยังไม่ใช่การรอรับ สส.พลังประชารัฐ แต่จะต้อนรับ “สส.งูเห่าสีส้ม” จากพรรคก้าวไกล ซึ่งมีโอกาสถูกยุบพรรคค่อนข้างสูง โดย สส.สีส้ม ต้องหาพรรคใหม่เข้าสังกัด

ย้อนกลับไปดูโจทย์ของนายใหญ่เพื่อไทยที่ต้องการคงจำนวน สส.ขั้วพรรคร่วมรัฐบาล ให้เกิน 300-320 เสียง เพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ 

เมื่อ สส.สายตรง “ประวิตร” จะหายไป 20 คน “ธรรมนัส” จึงต้องเติมกลับมาให้ครบ เพื่อรักษาโควตารัฐบาล 2 รมว. - 2 รมช. เอาไว้เหมือนเดิม

ภารกิจของ “พรรคกล้าธรรม” จึงจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.67 หาก “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล “สส.งูเห่าสีส้ม” บางส่วนสามารถเลื้อยเข้ามายังพรรคนี้ได้ทันที

อีกด้านหนึ่ง พรรคกล้าธรรม อาจเตรียมการเพื่อรองรับปรับ ครม.สูตรรวมชาติ ที่มีข่าวว่า นายใหญ่จะเขี่ย พล.อ.ประวิตร และพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล พรรคกล้าธรรม(นัส) จึงถือเป็นการเตรียมพร้อมทุกรูปแบบ สำหรับก๊วนผู้กอง

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์