คดี‘ก้าวไกล’ โลกล้อมไทย ? ปลุกพลังส้ม ไปต่อพรรคใหม่
พรรคก้าวไกล เตรียมพร้อมแถลงการณ์ใหญ่เตรียมเดินหน้า "ก้าวไกลไปต่อ" กรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรค เต็งหนึ่งยังเป็นชื่อของ "ศิริกัญญา ตันสกุล" พร้อมโหมกระแสปลุกฐานเสียง "พลังส้ม"
KEY
POINTS
- "ไอลอว์" เผยแพร่บทความคำชี้แจงท่าทีฝั่งไทยถึงข้อเท็จจริงคดียุบพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับมาตรา 112
- “พรรคเพื่อไทย” ยกคำชี้แจง “รัศม์ ชาลีจันทร์” ผช.รมว.กต.โต้ “ไอลอว์” พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมือง
- "คีย์แมนก้าวไกล" เตรียมพร้อมถ่ายเท สส.ก๊กก้าวไกล 143 คน ไปอยู่ค่ายใหม่ทันที กรณีคำวินิจฉัยยุบพรรค
- จับจังหวะ "ก้าวไกลไปต่อ" โหมกระแสปลุก "พลังส้ม" เป้าหมายสู่กระดานเลือกตั้ง
- เลือกตั้งซ่อม เขต 1 สส.พิษณุโลก มีตัวตายตัวแทน "ปดิพัทธ์ สันติภาดา" พร้อมรักษาฐานที่มั่น
ก่อนถึงวันชี้ชะตา “พรรคก้าวไกล” ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 7 ส.ค. 2567 จู่ๆ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน(ไอลอว์) ก็เผยแพร่บทความ “ไทยตอบ UN ยื่นยุบก้าวไกลเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ย้ำ ม.112 มีโทษแรงเหมาะสมแล้ว”
โดยมีสาระสำคัญของผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ (Special Rapporteur) ส่งข้อแสดงความกังวลถึงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ในประเด็นการใช้ข้อกฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อยื่นยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งรัฐบาลไทยได้ตอบกลับเป็นข้อชี้แจงเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567
เอกสารดังกล่าว “ไอลอว์”ได้อ้างคำชี้แจงของฝั่งไทย ที่ย้ำว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ได้เพียงแค่ปกป้องพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท แบบเดียวกับที่ปกป้องประชาชนทั่วไปในกฎหมายหมิ่นประมาทเท่านั้น แต่ยังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะที่เป็นเสาหลักของชาติสำหรับประชาชนคนไทยภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เอกสารดังกล่าวชี้ว่า รัฐบาลไทยยืนยันว่า คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด
โดยอธิบายว่า หลังเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนเหตุการณ์ที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ว่าผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้ว
“คณะกรรมการพิจารณา ที่ถูกออกแบบมาเพื่อพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ จะร่วมกันพิจารณาว่า เหตุการณ์ที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษมานี้ เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ หากคณะกรรมการตัดสินใจดำเนินคดี การตัดสินใจสูงสุดว่าจะส่งฟ้องคดีต่อศาลหรือไม่ อยู่ที่อัยการสูงสุด” เอกสารท่าทีของฝั่งไทยระบุ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่เป็นท่าทีขององค์กรเอกชนที่มีจุดยืนอยู่เคียงข้างกับ “พรรคก้าวไกล” มาตลอด
สอดรับกับการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลในห้วงเวลานี้ ที่เตรียมพร้อมแถลงการณ์ใหญ่ โดย“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ“ชัยธวัช ตุลาธน”หัวหน้าพรรค ในช่วงเย็นวันที่ 7 ส.ค.2567 เปิดปฏิบัติการโอนย้ายถ่ายเท สส.เลือดส้มทั้ง 143 คนไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ทันที หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค
ขณะที่เรื่องร้อนจากองค์กรระหว่างประเทศ ที่พุ่งตรงมาพาดพิงถึงรัฐบาลไทย ทำให้ตัวแทนรัฐบาลไทย และ “พรรคเพื่อไทย” นำคำชี้แจงของ “รัศม์ ชาลีจันทร์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก โดยตอบโต้ “ไอลอว์” พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมือง
“รัฐบาลไม่ได้เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมือง เพราะที่ผ่านมา มีการยุบพรรคการเมืองหลายครั้ง ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งการยุบพรรคที่ยึดโยงกับประชาชน ทำให้เสียงของประชาชนไม่ถูกสะท้อนตามความเป็นจริง”
การชี้แจงดังกล่าวเป็นการตอบข้อเท็จจริงถึงกระบวนการของคดีว่า “รัฐบาลเศรษฐา” ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยุบพรรคก้าวไกล
“รัฐบาลไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟ้องยุบพรรคก้าวไกล และไม่สามารถแทรกแซงการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญได้”
หากย้อนไปที่มาคำร้องยุบพรรคก้าวไกล ต้นเรื่องก็จากคำร้องที่ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ทนายความอิสระ ที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ “พรรคก้าวไกล” และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”ขณะเป็นหัวหน้าพรรค พร้อม สส.พรรคก้าวไกล เข้าชื่อร่วมเสนอขอแก้ไขมาตรา 112 และเรื่องดังกล่าวก็เป็นการยื่นร้องตั้งแต่สมัยที่อยู่ในห้วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนไทม์ไลน์มาจบถึงตอนสุดท้ายในปี 2567 สมัยที่ “พรรคเพื่อไทย” เป็นรัฐบาล
ไม่ว่าฝ่ายใดจะชี้แจงอย่างไร แต่ผลลัพธ์หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีเพียงสองคำตอบ คือ “ยุบพรรค” หรือ “ยกคำร้อง”
ประเมินท่าทีของพรรคก้าวไกลนาทีนี้ ความเคลื่อนไหวดูพร้อมเสมอกับการเตรียมหาค่ายใหม่เข้าสังกัด
เพราะล่าสุดความเคลื่อนไหวของขุนพลเฉดส้ม ยังมองว่าผลลัพธ์จะออกมาด้วยอัตราเพียง 50 ต่อ 50 เท่านั้น
ท่าทีของแกนนำพรรคทั้งการเตรียมความพร้อมแถลงใหญ่ นัดหมายสื่อมวลชนและประชาชนก็เริ่มโหมโรงมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาหรือตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. จึงสอดรับและรับสภาพได้หาก “ยุบพรรค”
เมื่อกระแสยุบพรรคมีสูง จึงมีการเตรียมการขนเอฟซีจากฝั่งรัฐสภาที่นำโดยปีกของ “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคเป็นธรรม และรองประธานสภาฯ คนที่1 เตรียมมาร่วมกิจกรรมให้กำลังใจ “พรรคก้าวไกล” หลังรู้ผลตัดสินคดี
แน่นอนว่า หัวหน้าพรรคเต็งหนึ่งยังเป็นชื่อของ “ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และขุนพลมือเศรษฐกิจที่เป็นแม่ทัพหน้าของพรรคในการอภิปรายวาระใหญ่ในรัฐสภา
การแถลงใหญ่ของ“พรรคก้าวไกล” หากผลลัพธ์ยุบพรรค ฉากต่อไป “ขุนพลก๊กก้าวไกล”จำเป็นต้องเรียกกระแสจากฐานเสียงและเรียกคะแนนประชาชนโดยทั่วไป ว่า“พรรคก้าวไกล”ถูกกระทำซ้ำรอยกับ“พรรคอนาคตใหม่” ทั้งที่กระบวนการแก้ไขมาตรา 112 เป็นวิธีการที่ปกติ และสามารถทำได้ในอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ
หาก “ก้าวไกล” ถูกยุบพรรค ยังต้องนับหนึ่งเตรียมรับศึกเลือกตั้งซ่อมในเขต 1 จ.พิษณุโลกภายใน 45 วัน
ว่ากันว่า “คีย์แมนก้าวไกล” ได้เตรียมแผนสำรอง คัดคนไว้เรียบร้อยหมดแล้ว
โดยแคนดิเดตผู้สมัคร สส.แทน “ปดิพัทธ์” เป็นคนที่เคยจะลงเลือกตั้งสมัยพรรคอนาคตใหม่ และปัจจุบันได้เข้าสังกัดพรรคที่เป็นตัวแทน “หมออ๋อง” ครบเงื่อนไข 90 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง
แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ “ยกคำร้อง” เท่ากับว่า “พรรคก้าวไกล” จะเดินหน้าปลุกกระแสต่อไป ด้วยภาพครบเครื่อง นำพรรคชนะเลือกตั้ง “พิธา” สามารถกลับมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคได้อีกครั้ง
นับจากนี้ก็จะเดินหน้าปลุกกระแสรองรับการเลือกตั้งในครั้งหน้า แคนดิเดตนายกฯ ก็จะเป็นคนเดิมคือ “พิธา” ซึ่งสามารถรอจังหวะช่วงชิงนายกฯ ได้เสมอ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ “พรรคเพื่อไทย”