'วิโรจน์' มั่นใจสส.ก้าวไกลซบพรรคใหม่ครบ เชื่อ 'ศิริกัญญา' กำลังภายในล้ำเลิศ

'วิโรจน์' มั่นใจสส.ก้าวไกลซบพรรคใหม่ครบ  เชื่อ 'ศิริกัญญา' กำลังภายในล้ำเลิศ

"วิโรจน์" มั่นใจอดีตสส.ก้าวไกล ย้ายเข้าสังกัดใหม่ครบ มองหมดยุคงูเห่า-กลุ่มซื้อตัวสส.ล้มเลิกความคิด พร้อมเปรียบผู้นำพรรคคนใหม่เป็นนิยายจีนเชื่อ"ศิริกัญญา" กำลังภายในล้ำเลิศ

ที่รัฐสภานายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการการสมัครเข้าพรรคใหม่ในวันพรุ่งนี้(9ส.ค.) หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลว่า คงไม่ได้มีการเช็กชื่อสมาชิกแต่เป็นการเช็กด้วยหัวใจก็มีการพูดคุยกัน จากการพูดคุยก็คงจะเดินทางไปสมัครพร้อมกัน ส่วนชื่อพรรคขอให้รอติดตามในวันดังกล่าว เพราะส่วนตัวก็ยังไม่ชัดเรื่องชื่อพรรคแต่ยืนยันเราจะไปในที่ใหม่อย่างพร้อมเพรียง

เมื่อถามว่าจะต้านพลังคนที่มาซื้อตัวสส.อย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า คิดว่าทุกคนรู้ที่มาของเรามาจากความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน14ล้านเสียงทุกคนตระหนักดีในอดีตทุกคนที่เป็นงูเห่า ที่หักหลังความไว้วางใจประใจของประชาชนมีจุดจบอย่างไรเรื่องนี้คงไม่ต้องบอกทุกคนตระหนักในใจอยู่แล้ว

ปัจจุบันการเมืองไม่มีความจำเป็นต้องซื้อตัวต่างจากในอดีตรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ  ขณะที่สส.พรรคปัจจุบันผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดีจึงทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ตนจึงมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอย่างที่ทุกคนกังวล 

นายวิโรจน์ ยังเชื่อว่า ขณะนี้ผู้ที่คิดซื้อตัวสส.คงล้มเลิกความตั้งใจ กระแสข่าวที่ออกมายอมรับว่าอาจมีการทาบทามในลักษณะได้ก็ดีฟรีก็เบิ้ล พอไม่ได้รับคำตอบเสียงก็เงียบไป 
 

ทั้งนี้การที่เปิดตัวพรรคในทันที จนถูกมองว่าอาจเป็นการป้องกันเรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้น ยืนยันว่าเป็นการตกลงร่วมกันตั้งแต่เข้ามาทำงานว่าจะทำอย่างไรในการสร้างความมุ่งมั่นและทำให้ประชาชนยังมีความมั่นใจกับการขับเคลื่อนอุดมการณ์พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นข้อตกลงมาตั้งแต่ต้นหรืออาจเรียกว่าเป็นเพลนบี พอมีเหตุการณ์เกิดขึ้นทุกคนก็เดินหน้าไปพร้อมกัน 

ส่วนชื่อหัวหน้าพรรคที่มีการโยงไปถึงน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ อดีตรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขอให้รอแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ โดยคุณสมบัติหัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องเป็นคนที่สามารถขับเคลื่อนอุดมการณ์พรรคให้เดินต่อไปได้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกันพรรคก้าวไกลเคารพในความแตกต่างหลากหลายทั้งเรื่องเพศวิถีรวมถึงความแตกต่างเรื่องอื่นๆ

ส่วนที่มีการเปรียบเทียบกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค คิดว่าไม่ควรนำมาเปรียบเทียบหัวหน้าคนที่1หรือ2

เราเปรียบเป็นนวนิยายจีนประมุขพรรคแต่ละคนก็มีกำลังภายในที่ล้ำเลิศในแต่ละแขนงอยู่แล้ว แต่ละคนก็จะมีท่าไม้ตายที่เป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของตนเอง ขณะที่สส.ก็ได้รับการถ่ายทอดกำลังภายในดังนั้นไม่ต้องห่วงว่ากำลังภายในจะถดถอย 

เมื่อถามว่ารู้สึกเสียใจกับผลวินิจฉัยที่ออกมาหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ต้องยอมรับก็รู้สึก "เห้อ!" บ้าง แต่เราก็ต้องเดินหน้าต่อ เรามีการแพลนงานไว้ก่อนวันที่7ส.ค.แล้ว
 

ขณะที่การเลือกตั้งซ่อมจ.พิษณุโลก แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา  พรรคจะส่งคนลงสมัครอย่างแน่นอนโดยเราเตรียมบุคคลไว้แล้ว เป็นบุคคลที่ทำงานกับพรรคมาเป็นเวลานาน

ส่วนกรณีร้องสอบกรณี44สส.ที่เข้าชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 คิดว่า พรรคการเมืองที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงก็ต้องเจอแบบนี้ แต่คนที่สร้างวิบากกรรมกลับต้องการทำให้บ้านเมืองอยู่ในกรอบแบบเดิมไม่ยอมให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า

ถ้าเขาสร้างวิบากกรรมให้เป็นแบบนั้นแล้วเราจะยอมหรือ ซึ่งวิบากกรรมแบบนี้เราก็หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายในการเมืองไทย ขอเรียกร้องไปยังพรรคการเมืองในการร่วมกับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดสรรอำนาจในการตรวจสอบถ่วงดุลขององค์กรอิสระให้มีความเหมาะสม 

นายวิโรจน์ ยังเชื่อว่าผู้ที่จะขึ้นมาทำหน้าที่ รองประธานสภาจะหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและไม่ว่าจะเป็นใครเราจะทำหน้าที่ผลักดันกฎหมายได้เหมือนเดิม