อนาคตพรรคส้ม‘หลุมดำ112’ ดาบสองคดี44สส.-เกมสภาคว่ำนิรโทษ?

มติศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่7ส.ค.ที่ผ่านมา “เอกฉันท์”ยุบพรรคก้าวไกล พร้อมเว้นวรรคทางการเมือง หรือ ตัดสิทธิลงสมัครเลือกตั้งและตั้งพรรคใหม่ของกรรมการบริหารพรรค 10 ปี จากกรณีเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112  หรือ “ป.อาญา มาตรา112”  ซึ่งเป็นการกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ และเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

จำนวนนี้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ 5 คน ซึ่งจะต้องพ้นจากตำแหน่ง สส.ทันที ได้แก่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชัยธวัช ตุลาธน เบญจา แสงจันทร์ สุเทพ อู่อ้น และอภิชาต ศิริสุนทร

ในส่วนของ สส.บัญชีรายชื่อ ทั้ง5คน จะไม่มีการเลื่อนบัญชีขึ้นมาทดแทน เนื่องจากบัญชีหายไปจากการถูกยุบพรรค ขณะที่สส.เหลือ 143 คน เวลานี้ย้ายเข้าสังกัดใหม่ ภายใต้ชื่อ “พรรคประชาชน” มี “แท้ง”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรค

น่าสนใจว่า คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ของพรรคประชาชนในปัจจุบัน มีแค่ 5 คน ประกอบด้วย ณัฐพงษ์ เป็นหัวหน้าพรรค,ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค,ชุติมา คชพันธ์ เหรัญญิกพรรค,ณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทะเบียนพรรค,พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค 

อย่างที่รู้กันปมสุ่มเสี่ยงพลพรรคส้ม ยังไม่จบแค่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ลืมว่า เวลานี้พรรคก้าวไกลที่แปรสภาพเป็นพรรคประชาชน ยังคดีจริยธรรมซึ่งมี “44 สส.”  ร่วมเข้าชื่อยื่นเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในการพิจารณาของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

 

จำนวนนี้นอกเหนือจาก “5สส.พรรคก้าวไกล” ที่ถูกตัดสิทธิ10ปี อีกส่วนเป็นสส.พรรคก้าวไกลที่ย้ายเข้าสังกัดพรรคประชาชน 25 คน ที่เหลือเป็นอดีตสส.

เป็นเช่นนี้จึงมีการจับตาว่า "อดีตพรรคก้าวไกล" ในสีเสื้อ “พรรคประชาชน” จะยังคงอุดมการณ์เดิมในการต่อสู้กับอำนาจอนุรักษ์ และมีหมุดหมายเดิมในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจ และเปลี่ยนแปลงประเทศอยู่หรือไม่ไม่ต่างจากประเด็น112 ยังดำเนินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ 

ในวันแถลงข่าวเปิดตัวพรรคประชาชน และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่  “ณัฐพงษ์” พูดถึงสร้างปรากฎการณ์ “แลนด์สไลด์สีส้ม” ในการเลือกตั้งปี 2570

ทว่าในประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 “ณัฐพงษ์” มองว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็ไม่ได้มีการสั่งห้ามการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ แน่นอนที่สุดเราต้องไม่ประมาท ทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แทบไม่ต้องสงสัยว่า ปมแก้ไขมาตรา112 จะยังคงเป็น “อุปสรรค” ในทางการเมืองของพรรคประชาชน ไม่ต่างจากอดีตพรรคก้าวไกล และอดีตพรรคอนาคตใหม่

น่าสนใจคือ พรรคประชาชน ร่างใหม่ของพรรคก้าวไกล จะเดินหน้าทางการเมืองอย่างไร หลังศาลรัฐธรรมนูญ ตีเส้นให้สามารถแก้ไข ป.อาญา ม.112 แคบลง

โดยเฉพาะในคำวินิจฉัย คดีล้มล้างการปกครองฯตอนหนึ่งที่อาจแก้ได้ “ผ่านกระบวนการโดยชอบในรัฐสภา”  

สัญญาณ “พรรคประชาชน” ที่ยืนยันการเคลื่อนไหวประเด็น112 หลังจากนี้จะไม่ใช่การลดเพดาน แต่เป็นการเสนอร่างกฎหมาย เพื่อปรับปรุงกฎหมายนี้ไม่ให้มีปัญหา ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกลั่นแกล้งพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม

ทว่าผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาย้อมกลายเป็น “บ่วงรัด” พรรคประชาชนให้ขยับยากหลังจากนี้หรือไม่  ยิ่งไปกว่านั่นจังหวะพรรคก้าวไกลที่สวมเสื้อใหม่ในนามพรรคประชาชนเหลือเสียงในสภา143เสียงซ้ำบางส่วนยังมีคดีจริยธรรมติดตัว กลับยิ่งตอกย้ำสัญญาณโดดเดี่ยวที่มีมากขึ้นหลังจากนี้หรือไม่ 

โดยเฉพาะท่าทีพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อประเด็นดังกล่าว ล่าสุดมีสัญญาณมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน 

“ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่า การทำงานในฐานะฝ่ายค้านกับพรรคประชาชนยังเป็นไปตามปกติ 

แต่ยังคงย้ำจุดยืน ไม่สนับสนุนการแก้ ม.112 เพราะถือเป็นการขัดต่ออุดมการณ์และจุดยืนของพรรค

เหนือไปกว่านั้นสิ่งที่ต้องจับตาคือ “เพดานอุดมการณ์” พรรคประชาชนในการ “ชิงมวลชน” หลังจากนี้

ต้องไม่ลืมว่า นอกเหนือจากการแก้ไขมาตรา112 แล้วยังมีประเด็นการนิรโทษกรรม ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจาารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน ได้พิจารณาแล้วเสร็จและคาดว่าจะเสนอเข้าสู่สภาวันที่22ส.ค.นี้ 

โดยในรายงานมีการเสนอเป็นข้อสังเกตในสาระทั้งสิ้น 6 ประเด็น อาทิ เรื่องของความผิดต่อชีวิต และละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 288 และมาตรา 289 จะไม่นิรโทษกรรม เพราะเป็นการประทุษร้ายต่อชีวิต ไม่ได้มีแค่ต่อรัฐฝ่ายเดียว แต่ทำให้ประชาชนล้มตาย

ขณะที่ฐานความผิดที่เกี่ยวกับมาตรา 110 และมาตรา 112 คณะกรรมการฯ กมธ.เห็นว่าเป็นความผิดที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง จึงไม่ได้มีการลงมติเด็ดขาด เนื่องจากมีความเห็นที่หลากหลาย แต่จะส่งความเห็นให้สภาพิจารณาโดยแยกเป็น 3 แนวทาง

ประเภทแรก คือเห็นว่าไม่ควรรวมอยู่ใน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีการเมือง

ประเภทที่ 2 ให้นิรโทษกรรมโดยไม่มีเงื่อนไข

ประเภทที่ 3 นิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข โดยมีการกำหนดเงื่อนไขแนวทางแบบต่างๆ ซึ่งจะระบุไว้ในรายงาน

ก่อนหน้านี้  "ชัยธวัช ตุลาธน" อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้พูดถึงจุดยืนประเด็นดังกล่าว  “เห็นด้วย” กับการนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไขป้องกันการกระทำผิดซ้ำ โดยต้องไปกำหนดเงื่อนไข และรายละเอียด 

เช่น ก่อนที่จะมีสิทธิได้รับการพิจารณานิรโทษกรรมหรือไม่ อาจจะต้องมีการมาแถลงข้อเท็จจริงของผู้ที่กระทำผิด หรือผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดว่าเหตุใดกระทำการไปอย่างนั้น มีแรงจูงใจทางการเมืองอะไรในการกระทำ หรืออาจจะถูกซักถามว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ อย่างไรเป็นต้น 

เช็กสัญญาณพรรคการเมืองเวลานี้ โอกาสหนุนนิรโทษกรรมคดี112 ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขหรือไม่มีก็ตาม แนวโน้มเป็นไปได้ยาก

ยิ่งในยามที่มีคดียุบพรรคก้าวไกลจากประเด็นการแก้ไขมาตรา112 ด้วยแล้ว ทำไปทำมาจะกลายเป็นวัวพันหลักวนกลับมาถึงปมร้อนนิรโทษกรรมท่ามกลางสัญญาณ "คว่ำ" ที่จะต้องจับตาในวันที่22ส.ค.นี้

จับตาพรรคก้าวไกล ในวันที่สวมเสื้อตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ “ประชาชน”  เพดานอุดมการณ์สีส้มจะดำเนินต่อไปอย่างไรหลังจากนี้ อย่าลืมว่า คดียุบพรรคยังไม่ใช่หลุมดำหลุมสุดท้ายแต่ยังมีหลุมดำหลุมอื่นๆที่รออยู่เบื้องหน้าหลังจากนี้อีกด้วย