‘ณัฐวุฒิ’ เมินถูกยื่น กกต.สอบสาขา ‘ปชช.’ นัดวันนี้เคาะชื่อชิงรองประธานสภาฯ
‘ณัฐวุฒิ’ เมิน ‘หมอวรงค์’ ยื่น กกต.สอบปมสาขา ‘พรรคประชาชน’ ยันดำเนินการมาตั้งแต่ปี 60 ครบถ้วนสมบูรณ์ นัด 13 ส.ค.ถก สส.เคาะชื่อชิงดำ ‘รองประธานสภาฯ’ เผย ป.ป.ช.เรียก ‘อดีต สส.งูเห่า’ ไม่ลงชื่อแก้ ม.112 เข้าให้ข้อมูลแล้ว
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เดินหน้ายื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการตั้งสาขาพรรคถิ่นกาขาวฯ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน ย้อนหลังไปจนถึงวันที่กฎหมายพรรคการเมืองมีผลบังคับเมื่อปี 2560 มีสาขาพรรคต่อเนื่องตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ว่า ถือเป็นสิทธิ์ของ นพ.วรงค์ ที่จะมีกระบวนการในแง่ของการตรวจสอบ แต่อย่างที่หลายคนในพรรคได้ชี้แจงไปแล้วว่า จริงๆ โดยกระบวนการเราเองก็ทราบดีอยู่ว่าไม่มีข้อเท็จจริงหรือเป็นประเด็นตามที่ นพ.วรงค์พูดแต่ประการใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความเป็นพรรคการเมือง สาขาพรรค และองค์ประกอบต่างๆ ของพรรคการเมือง ตอนที่เป็นพรรคถิ่นกาขาว ก่อนจะที่จะย้ายมาเป็นพรรคประชาชน เราเองก็ได้มีการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว ยืนยันว่ามีสาขาพรรคต่อเนื่องมาตลอดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560
“ไม่มีประเด็นอะไรที่น่าห่วง น่ากังวล แต่ถือเป็นสิทธิ์และเป็นความชอบธรรมที่จะยื่นให้มีการตรวจสอบ ซึ่งเข้าใจว่าไม่ต้องรอทางเรา กกต.ก็คงจะตอบได้ ว่าเรื่องนี้มีความชัดเจนถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์มาตลอด” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่ามองกระบวนการ นพ.วรงค์พยายามยื่นตรวจสอบเพื่อให้นำไปสู่การยุบพรรคประชาชนอย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รอบนี้คงไม่ใช่เป็นประเด็นในเรื่องการยุบพรรค แต่คงเป็นประเด็นเรื่องตรวจสอบองค์ประกอบของความเป็นพรรค ตนคงไม่ก้าวล่วงที่จะไปบอกว่า ท่านคิดอะไรอยู่ เพราะเราก็ไม่รู้เจตนาภายในของ นพ.วรงค์ แต่คิดว่าในความเป็นจริง เราก็รู้ว่าในภาพใหญ่กระบวนการยุบพรรคการเมือง มันไม่ควรจะเกิดขึ้น และควรจะมาทบทวนร่วมกันมากกว่าว่าเหตุในการยุบพรรคการเมืองซึ่งอยู่ในกฎหมายลูก ไม่ได้อยู่ในรัฐธรรมนูญจะมีการปรับแก้ให้สมบูรณ์ในอนาคตอย่างไร เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองมาช่วยกันคิด ช่วยกันระดมความคิดเห็น มากกว่าจะมัวมานั่งจับผิดกันในเชิงรายละเอียด
เมื่อถามถึงกรณีการเสนอแคนดิเดตชิงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคประชาชนยืนยันชัดเจนแล้วว่า เราจะมีการส่งชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ซึ่งเป็นความชอบธรรมในฐานะเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งในสภา และเราต้องการสานต่องานที่รองประธานสภาฯ ที่เคยอยู่ในสังกัดของพรรค ได้ทำไว้ด้วย ดังนั้นรอบนี้คงไม่ได้แค่การส่งในเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการส่งเพื่อเข้าไปสานงานต่อจริง ๆ อย่างไรก็ตามกระบวนการในการคัดเลือกว่าจะเป็นใคร ยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าในวันที่ 13 ส.ค. ซึ่งจะมีการประชุม สส.พรรคประชาชนประจำสัปดาห์ จะมีการหยิบยกชื่อขึ้นมาเสนอ และพิจารณาร่วมกันว่าจะส่งใครเข้าชิงตำแหน่งนี้ โดยจากที่ได้รับข้อมูลและประสานงานมาคาดว่าจะมีการเลือกรองประธานสภาฯ ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ แต่ก็ยังไม่ได้มีความชัดเจนจากรัฐบาลแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะเลือกในวันดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่พวกเราก็เตรียมตัวเอาไว้
“ต้องเรียนว่าในส่วนของผมก็รู้สึกเสียดาย ว่าไม่สามารถลงชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ได้ เพราะว่าติดเงื่อนไขการเป็นกรรมการบริหารพรรค ก็เสียดายนิดหนึ่ง เพราะว่าตอนแรกก็คิดว่ากรณีของ สส.อ่างทองด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบเขตหรือบัญชีรายชื่อ พี่น้องประชาชนก็จะได้เลือกถูกหรือเห็นความแตกต่างชัดเจนว่าควรจะสนับสนุนหรือเลือกใครอย่างไร แต่พอดีผมติดเงื่อนไขการเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาชนก็คงไม่สามารถที่จะลงแข่งได้ ซึ่งโดยมารยาทต้องลาออกจากการเป็นกรรมหารบริหารพรรคก่อน แต่ขณะนี้เราเพิ่งตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ ดังนั้นก็คงไม่สามารถที่จะลงได้ ส่วนจะเป็นใครอย่างไร ในที่ประชุม สส.คงจะได้พิจารณาเรื่องนี้กัน”นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ส่วนเงื่อนไขในการจะส่งใครลงชิงตำแหน่งนั้น เราไม่ได้พิจารณาเงื่อนไขเรื่องเพศ อายุ หรือเป็น สส.มาแล้วกี่สมัยอย่างไร เราจะพิจารณาว่าขอให้ตัวแทนของเราคนนั้น สามารถหยิบยกประเด็นที่เขาอยากจะทำในการทำให้สภาเป็นพื้นที่ที่พี่น้องประชาชนเข้าถึงได้ ทำให้สภาทันสมัยขึ้น และเป็นที่พึ่งของประชาชนดงวิสัยทัศน์ที่นายปดิพัทธ์เคยพูดไว้ ซึ่งเข้าใจว่ามีหลายคนเตรียมข้อมูลตรงนี้ไว้นำเสนอในที่ประชุม สส. แล้ว
- ‘ณัฐวุฒิ’เผย ป.ป.ช.เรียก ‘อดีตงูเห่าก้าวไกล’ไม่ลงชื่อแก้ 112 แจง
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีคดีการตรวจสอบจริยธรรม 44 สส.ที่เข้าชื่อแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ใน ป.ป.ช. มีข่าวว่า ป.ป.ช.ได้เรียก “สส.งูเห่า” อดีตพรรคก้าวไกล ที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อไปชี้แจงแล้วนั้น ว่า เรื่องนี้เราทราบมาว่ามีการเชิญอดีต สส.ที่เคยอยู่ร่วมกันตอนพรรคก้าวไกล แต่ไม่ได้เซ็นชื่อในร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องไปให้ข้อมูล คล้าย ๆ กับว่าเป็นการไปให้ข้อมูลประกอบเป็นพยานไว้กับ ป.ป.ช. แต่กรณี 44 ส.ส.เดิมเข้าใจว่าจะมีแค่ 1 คน ที่ไม่ได้อยู่กับพรรคก้าวไกลแล้วก็คือนายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ อดีต สส.กทม.พรรคก้าวไกล เป็นคนเดียวที่ไปขอให้ข้อมูลก่อน เมื่อกว่า 2 เดือนที่แล้ว แต่ไม่ทราบว่าโดยกระบวนการแล้วทาง ป.ป.ช.ได้รับข้อมูลตรงนั้นไว้หรือไม่อย่างไร หรือรับไว้ในสถานะใด อันนี้เราไม่ทราบข้อเท็จจริงในรายละเอียด แต่สำหรับในอีก 43 คนที่เหลือ ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือมีการเชิญไปให้ข้อมูลแต่ประการใด เข้าใจว่าตามที่ ป.ป.ช.แถลงในขณะนี้ก็ถือเป็นกระบวนการสืบสวนเบื้องต้นก่อน ถ้า ป.ป.ช.เห็นว่ามีรายละเอียดอย่างไรคงจะมีการเชิญหรือเรียก 43 หรือ 44 สส. ไปให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นเท่าที่ทราบจากหน้าสื่อมีนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้ร่วมลงชื่อในร่างกฎหมายดังกล่าว ที่มีการถูกเชิญไปให้ข้อมูลแล้ว และมีกรณีของ น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน อดีต สส.กทม.พรรคก้าวไกล ที่มีการเชิญไปให้ข้อมูลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม น.ส.วรรณวลี ถึงแม้ไม่ได้มีการเซ็นชื่อในร่างกฎหมาย แต่ก็อยู่กับเรามาโดยตลอด ดังนั้นเชื่อมั่นว่าการให้ข้อมูลก็จะเป็นคนละแบบกับนายคารม เพราะนายคารมก็มีเจตนาที่ชัดเจน กล่าวอ้างในส่วนของตนเองว่าไม่อาจเซ็นร่วมด้วยเป็นเพราะเหตุใดอย่างไร ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่อยู่ในที่ประชุม สส.ด้วยกันอยู่แล้ว