‘เศรษฐา’ เปิดใจ หลุด นายกฯ เขาไม่ให้อยู่ ยัน เป็นคนมีจริยธรรม ไม่เคยวิ่งเต้น
“เศรษฐา” น้อมรับ คำตัดสินหลุด นายกฯ ยัน ไม่ใช่คนอย่างไร้จริยธรรม โยน สภา หา นายกฯ ใหม่ รับ ดิจิทัลวอลเล็ต มีสิทธิคว่ำ เบรก คนเข้าให้กำลังใจ เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว ชี้ อุ๊งอิ๊ง ก็มีความพร้อม ระบุ ความผิดหวังโหดร้าย ว่างๆ จะไปกินกาแฟกับ “ทักษิณ” ลั่น ไม่เคยวิ่งเต้น
ที่ทำเนียบรัฐบาล หน้าตึกไทยคู่ฟ้า นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์เปิดใจหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง ว่า คำพิพากษาออกมาแล้ว ต้องขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ให้โอกาสทุกฝ่ายชี้แจงประเด็นทั้งหลาย ตนเคารพในการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ดำรงตำแหน่ง พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ตั้งใจจริงทำงาน ยึดมั่นอุดมการณ์ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกๆฝ่าย ยืนยันไม่เป็นที่ขัดแย้งของทุกคน
เมื่อถามว่า คิดว่าการต่อสู้คดีไปพาดตรงไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบเลย ตนไม่ได้ฟัง แต่ไปฟังตอนจบอย่างเดียวเพราะติดประชุมอยู่
เมื่อถามว่า คิดหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอยืนยันว่าจากการที่ส่งคำแถลงปิดคดีไปผลมันออกได้ทั้งซ้ายและขวา เรามีหน้าที่ที่จะต้องทำต่อไป ซึ่งต้องวางแผนระยะยาว ระยะสั้น ว่าต้องเดินทางไปไหน ไม่ได้บ่งบอกว่าจะก้าวล่วงหรือไปคาดเดาว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร
เมื่อถามว่า ศาลชี้ว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งทำให้ต้องยุติบทบาททางการเมืองตลอดชีวิต นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ได้ดูตรงคำว่าจะตัดสิทธิหรือไม่ตัดสิทธิ แต่ตนเสียใจตรงที่ว่าถูกออกไปเพราะเป็นนายกฯที่ไม่มีจริยธรรม ยืนยันผมคิดว่าผมไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่อย่างที่บอกท่านตัดสินมาแล้วซึ่งเป็นตุลาการที่มีความรู้ความสามารถ ท่านตัดสินมาก็น้อมรับ
เมื่อถามว่า มีสิ่งไหนที่ยังไม่ได้เดินหน้าในสิ่งที่อยากทำ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดายังมีภารกิจอีกเยอะ ปัญหาของพี่น้องประชาชนก็อีกเยอะ อย่างที่ตนเคยเรียนบ้านเมืองมีคนเก่งอีกหลายท่าน สามารถเข้ามายืนตรงนี้และทำงานต่อไปได้
เมื่อถามว่า จะฝากอะไรกับคนที่มาทำหน้าที่ต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ต้องฝากเพราะทีมงานก็อยู่ ทางรัฐมนตรีก็ยังเป็นรัฐมนตรีรักษาการอยู่ ตามความเข้าใจของตน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กำลังหาเที่ยวบินกลับจากคาซัคสถาน ถ้ากลับมาไม่ทัน ก็มีรองนายกฯคนที่ 2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ที่อยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว และมีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินดีอยู่แล้ว และตนก็มั่นใจในทีมงาน ขบวนการสรรหานายกฯต่อไปก็ต้องผ่านทางสภา เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
เมื่อถามว่า คิดว่ามีใครวางยาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าผลออกมาไม่ใช่เป็นที่เราคาดหวังแล้วจะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้หรือวางยาตนไม่เชื่ออย่างนั้น และตนไม่อยากกลับไปอีกแล้วซึ่งได้แถลงชี้แจงไปเรียบร้อยแล้ว และแถลงปิดคดีไปแล้ว เป็นเรื่องที่ตนอยากจะพูดไป และตุลาการทุกท่านก็มีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว ตัดสินบนข้อมูลและยืนยันตนน้อมรับคำตัดสิน
เมื่อถามว่า เข็ดหรือไม่ในทางการเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า มันไม่เกี่ยวว่าเข็ดหรือไม่เข็ด เพราะที่จริงแล้วปัญหาบ้านเมืองยังมีอยู่มาก แต่ละคนก็สามารถทำหน้าที่ช่วยเหลือบ้านเมืองได้ในหลายๆหน้าที่
เมื่อถามว่า การที่ได้มาเป็นนายกฯ เกือบปี การก้าวมาสู่การเมืองตรงนี้คิดว่าได้บทเรียนอะไร ที่เรียกว่าเป็นบทเรียนราคาแพง นายเศรษฐา กล่าวว่า คำถามนี้มันยาก เรื่องบทเรียนราคาแพงมันออกได้ทั้งเป็นบวกและเป็นลบ ไม่อยากมองในแง่ลบมากกว่า การที่มาบอกว่าเป็นบทเรียนราคาแพงหรือใครวางยาอะไร อย่าไปก้าวล่วงตรงนั้นดีกว่า เดินข้างหน้าต่อไป วันนี้เราน้อมรับคำตัดสินและเดินไปข้างหน้าดีกว่า ให้กระบวนการทางนิติบัญญัติ สภาฯ ดำเนินเรื่องในการสรรหานายกฯคนต่อไป
เมื่อถามว่า นายกฯคนต่อไปต้องมาจากพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบจริงๆ ก็อย่างที่ตนบอก เป็นเรื่องของข้อกฎหมายฝ่ายพรรคเพื่อไทย ก็ไปดูตรงนั้นต่อไป
เมื่อถามว่า หากไม่ได้ห้ามให้นายเศรษฐา เป็นแคนดิเดตได้อีก นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าไปไกลถึงขนาดนั้น ไปเป็นขั้นเป็นตอนดีกว่า
เมื่อถามว่า ไม่ได้ถูกหลอกให้ไว้ใจใครบางคนหรือบางกลุ่มใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า หากจะบอกว่าที่ผลออกมาเป็นอย่างนี้ เพราะตนไว้ใจคนนั้นคนนี้ไม่ใช่หรอก เพราะทุกคนก็มีความหวังดีด้วยกัน ตนมองว่าทุกคนมีความหวังดีกับประเทศชาติดีกว่าแต่จะดำเนินการกันอย่างไรมีแผนงานบริหารจัดการประเทศอย่างไรก็เป็นเรื่องของแต่ละคนไป ด้วยวิธีการทำงาน ขอยืนยันว่าน้อมรับคำตัดสิน ตลอดระยะเวลาที่ทำงานในตำแหน่งหน้าที่นี้ ทำอย่างเต็มที่ด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ได้มีปัญหากับใครเป็นการส่วนตัว
เมื่อถามว่า นโยบายที่ประกาศไปแล้วคนที่จะมาสืบทอดจะทำต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นนายกฯ ตนไม่ทราบว่าเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ตรงนี้ให้เกียรติรักษาการนายกฯ และคนที่จะมาเป็นนายกฯคนต่อไป
เมื่อถามว่า เรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะดำเนินการต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างที่ตนเรียนจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย ถ้าเปลี่ยนผู้นำแล้วเขาก็มีสิทธิในการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตามที่เห็นสมควร อย่างที่ตนบอกทุกคนก็อยากเห็นประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ อยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่วิธีการที่จะทำให้ถึงจุดๆนั้น ก็มีอีกหลายวิธีที่ทุกคนจะทำได้ บางท่านก็อาจจะเห็นด้วย บางท่านอาจจะไม่เห็นด้วย หรือเป็นเรื่องอื่นๆก็แล้วแต่ วันนี้ต้องยอมรับว่าเราหมดหน้าที่ไปแล้วเมื่อตอนบ่ายสามโมงครึ่งวันนี้
เมื่อถามว่า ดิจิทัลวอลเล็ตที่เดินมาถึง ขนาดนี้อาจจะพลิกได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่มีอำนาจแล้ว ต้องเป็นหน้าที่รักษาการนายกฯ หรือนายกฯคนใหม่ที่ต้องกลับเข้ามา
เมื่อถามว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น มีฝ่ายการเมืองโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่มีใครโทรศัพท์เข้ามา แต่มีการส่งข้อความมาหา บางคนก็บอกว่าจะเข้ามาหา ตนก็บอกว่าอย่าเลย เพราะตนจะไปแล้ว มันอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า นายกฯคนต่อไปไม่ใช่มาจากพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีนัยใดๆทั้งสิ้น ยืนยันว่าไม่ว่านายกฯคนต่อไปจะมาจากพรรคอะไรก็ตามที่ ตนยอมรับตามกระบวนการรัฐสภา
เมื่อถามว่า วันนี้รู้สึกปลอดโปร่งหรือไม่ ที่หมดสถานะตรงนี้หรือปล่อยให้การเมืองดำเนินต่อไปตามวิถีของมัน นายเศรษฐา กล่าวว่า ปล่อยให้การเมืองเดินไปตามวิถีของมัน ก็ขอให้เป็นความรู้สึกส่วนตัวแล้วกันดีกว่า เพราะความกังวล อย่างที่บอกกังวลเรื่องของบ้านเมืองในหลายๆเรื่อง
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่านายกฯคนต่อไปควรจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ขอคอมเมนต์เรื่องการเมืองดีกว่า เพราะตรงนี้ไม่มีแล้ว แม้ตนจะไม่ได้เป็นสส. แต่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ต้องปล่อยให้เขาไปพูดคุยกัน ตนไม่อยากไปกดดันใครทั้งสิ้น เดี๋ยวจะหาว่าหลุดจากตำแหน่งแล้วจะมาบอกว่าใครควรได้เป็นนายกฯ ไม่เป็นนายกฯ ตนก็คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าเกิดผลออกมาทางด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าเกิดผลให้ตนอยู่ต่อ ตนก็ทำงานต่อ ถ้าออกมาไม่ให้ตนทำงานต่อ ก็แสดงว่าตนไม่ควรที่จะต้องมากดดันว่าที่นายกฯคนต่อไปเป็นใคร มาจากพรรคไหน มันเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่า อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะช่วยงานพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบจริงๆ แต่ตนก็อยากจะช่วยเหลือบ้านเมืองต่อไปในบทบาทอื่นๆไม่จำเป็นต้องเป็นสส.หรือนายกฯ
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯมีความพร้อมที่จะสานต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนว่าทุกท่านที่อยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ เขามีความพร้อมตรงนี้ต้องเคารพกระบวนการรัฐสภาที่จะเลือกนายกฯคนใหม่เข้ามา
เมื่อถามว่า จะฝากอะไรกับนายกฯคนใหม่หรือไม่ กับในสิ่งที่ทำมาเสียดายไม่ได้สานต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนฝากไม่ได้ เพราะจะเป็นการกดดันมากกว่า แต่ละคนก็มีวิถีที่จะเดินไปถึงจุดๆหนึ่ง จุดที่พวกเราอยากเห็นเดินอย่างนี้ รัฐมนตรีบางคนอาจจะเดินอย่างนี้ก็ได้ ตนว่าไม่เป็นการยุติธรรมกับนายกฯคนต่อไป ว่าจะต้องทำตามนายเศรษฐา ตนว่าให้เกียรติท่านดีกว่า ให้เวลาระบบรัฐสภา ระบบตุลาการตัดสินดีกว่าว่าจะมาอย่างไร ไปอย่างไร
เมื่อถามว่า เจอแบบนี้จะสร้างกำลังใจให้ตัวเองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เพราะก้าวเข้ามาวันแรกก็รู้อยู่แล้วว่าจะออกอย่างไรได้หลายๆหน้า จะครบ 4 ปีหรือไปตั้งแต่ปีที่หนึ่ง มันก็ต้องพร้อมทั้งหมด ในทุกๆฉากทัศน์
เมื่อถามว่า การเป็นนักการเมืองกับการเป็นนักธุรกิจอะไรโหดร้ายกว่ากันเมื่อเจอความผิดหวัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ความผิดหวังทุกเรื่องโหดร้ายหมด แต่เราก็ต้องดีกับมันไป
เมื่อถามว่าในวันที่ 15 ส.ค. สิ่งแรกที่อยากจะทำหลังตื่นนอนคืออะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่าคงจะได้ไปลอยอังคารคุณแม่เร็วขึ้น ครั้งแรกว่าจะไปลอยในวันที่ 24 ส.ค. แต่อาจจะเป็นอาทิตย์นี้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจ เดี๋ยวขอถามญาติๆดูก่อน ก็ไม่ได้มีอะไร แต่ถ้าหากทางทีมงานอยากจะพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรหรือเรื่องส่งต่องาน ตนก็พร้อมแต่ไม่ได้วางแผนอะไร เดิมในวันที่ 15 ส.ค.จะต้องบินไปภารกิจที่จ.เชียงใหม่ ในช่วงเย็น ก็ส่งต่อไปยังรักษาการนายกฯ ก็จะตัดสินใจเองว่าจะไปเองหรือไม่
เมื่อถามว่า อยากจะกล่าวอะไรถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เพราะ รู้จักกันอยู่แล้ว เดี๋ยวว่างๆก็จะหาเวลาไปกินกาแฟกันเป็นธรรมดา ไม่ได้มีอะไร
เมื่อถามว่า อยากจะฝากอะไรไปถึงประชาชนหรือไม่ ในฐานะที่เป็นนายกฯมา 1 ปีแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ตนเป็นคนพูดไม่เก่ง และวันนี้ก็ไม่มีตำแหน่งอะไรที่จะไปพูด คิดว่ามันไม่แฟร์และเป็นการกดดันคนที่จะมานั่งตรงนี้ต่อไปด้วย แต่ละคนก็มีวิธีการทำงานของแต่ละคนต่างกันไป ตนก็เคารพจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ตนก็คงไม่พูด เพราะเป็นวิถีที่ตนคิดมาเองอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าการที่ทำงานมาโดยตลอด และอยากจะบอกว่าที่ผ่านมาตั้งใจทำงานจริง และไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร พยายามทำงานให้สุจริตดีที่สุดสำหรับประชาชนเท่านั้นเอง ส่วนใครจะเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่เอาดิจิทัลวอลเล็ต หรือทำแลนด์บริดจ์ และซอฟพาวเวอร์จะทำต่อหรือไม่ทำต่อ ก็เป็นหน้าที่ของคนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป รวมทั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ด้วย ก็ขออำนวยพรให้ทุกๆท่าน ที่จะมาทำงานตรงนี้
เมื่อถามว่า ครอบครัวได้ให้กำลังใจอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับใครเลย ลูกก็ยังไม่ได้โทรศัพท์มา เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน เมื่อเวลา 15.30 น. และตนก็ลงมาให้สัมภาษณ์ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการเช็คอะไร และคิดว่าคงไม่มีอะไร เพราะตอนที่รับตำแหน่งนายกฯ ลูกก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรมา ครอบครัวของตนไม่ได้เป็นแบบนั้น
เมื่อถามว่า ประชาชนที่ลงทะเบียน ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มีความกังวลว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นอย่างไรต่อไป นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็เข้าใจถึงความกังวล แต่ก็เป็นหน้าที่ของรักษาการนายกฯ หรือนายกฯ คนใหม่ และขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎรว่าจะเลือกนายกฯได้เร็วขนาดไหน
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าเสียใจ ต่อคำตัดสินที่ว่าฝ่าฝืนจริยธรรม นายเศรษฐา กล่าวว่า เพราะตนมั่นใจเป็นคนมีจริยธรรม และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ถูกร้องทำให้คำตัดสินออกมาเป็นอย่างนั้น ก็เสียใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นด้วย ตนน้อมรับคำตัดสิน และบอกมาตลอดเวลา ไม่ได้มีการวิ่งเต้นอะไร และไม่เคยโทรศัพท์หาใคร เมื่อส่งเอกสารปิดคดีไปแล้วก็ถือว่าจบแล้ว
เมื่อถามว่า หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงกล้าเสี่ยงที่ส่งชื่อนายพิชิต เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจ คำว่ากล้าเสี่ยงหรือเปล่า แต่ตนได้ดูข้อกฎหมายแล้วและได้สอบถามไปแล้ว วันนี้คิดว่าเรื่องมันจบไปแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาแล้วว่าตนผิด ก็ต้องออกจากหน้าที่ไป ก็อย่าไปถามว่าทำไมเป็นอย่างไร เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไม่เห็นด้วย เพราะข้อเท็จจริงแล้วเห็นด้วย และน้อมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าในช่วงการแก้ต่างนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯ ได้บอกหรือไม่ว่า อาจจะสู้ทางข้อกฎหมายได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกคนก็มั่นใจ แต่ก็เป็นเรื่องของกฎหมายและอำนาจอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า ผ่านมาเกือบ 1 ปีอะไรคือสิ่งที่ประทับใจในการทำหน้าที่นายกฯ และจะเก็บไว้ในความทรงจำ นายเศรษฐา กล่าวว่า คนเราอายุถึงขนาดนี้แล้วการที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การที่ได้ไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน ลงพื้นที่ได้รับความรู้ และข้อมูลใหม่ๆในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เมื่อก้าวออกไปแล้ว สิ่งที่จะผิดหวังหรือออกไปแล้วคือเรื่องที่เราจะไม่มีโอกาส การเป็นเอกชนหรือเป็นแค่นายเศรษฐา ทวีสิน เรื่องการเข้าถึงข้อมูล แหล่งความรู้ ปัญหาหรือทางออก ถ้าไม่นั่งอยู่ตรงนี้ก็จะมองไม่เห็น อย่างไรก็ตามเราก็ต้องไว้ใจระบบของสภาที่จะสรรหานายกฯคนใหม่ ซึ่งมีความรู้ความสามารถจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญได้ ตนไม่มีอะไรจะพูด ยกเว้นแต่มีความปรารถนาดีกับนายกฯคนต่อไป
เมื่อถามว่า ในวันที่ 15 ส.ค.และหลังจากนี้จะทำอะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ และยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไร เพราะไม่เคยคิดว่าจะหลุดหรือจะต้องทำอะไรต่อ การจะไปต่อมันง่าย เพราะแผนงานออกไปแล้วแต่ ถ้าหลุดก็ต้องไปคิดดู ก็อย่างที่บอกว่าอาจจะไปลอยอังคารคุณแม่เร็วขึ้น
เมื่อถามว่า อนาคตทางการเมืองจะใช้ความรู้ความสามารถช่วยพรรคเพื่อไทยต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ถนนมีสองทาง ขึ้นอยู่กับว่าเขาอยากจะให้ตนช่วยต่อหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเราอยากจะช่วยแต่เขาอยากจะได้คนรุ่นใหม่เข้ามาเปลี่ยนผ่าน ตนน้อมรับตรงนี้ไม่ได้คิดอะไร
เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็เป็นห่วงอยู่ เข้าใจถึงความซับซ้อนที่มีอยู่ในการบริหารจัดการของประเทศ เป็นห่วงตลอด รวมทั้งปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ ปัญหาพืชผลทางการเกษตร ก็เป็นห่วงอยู่ ยอมรับว่าเป็นห่วงทุกเรื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันจบสิ้นไปแล้ว ฉากนี้มันจบไปแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินแล้ว
เมื่อถามว่า ได้มาถึงจุดสูงสุดของชีวิตในการเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยคิดว่ามาถึงจุดสูงสุด เพราะจุดสูงสุดของแต่ละคนแตกต่างกันไป ตนไม่ได้คิดตรงนี้ เรามีโอกาสได้มาดูแลบ้านเมืองและมีส่วนในการผลักดันชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นก็ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุดของตน แต่การที่เราจะเดินต่อไปก็เพิ่งอายุ 62 ปีก็คงจะทำอะไรได้อีกเยอะ
เมื่อถามว่า จุดสูงสุดคืออะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นลูกที่ดี
จากนั้น นายเศรษฐา จบการให้สัมภาษณ์ ก่อนเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัว เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล