ชุดสอบวินัย 'บิ๊กโจ๊ก' ยันให้ความเป็นธรรม ไม่ทราบเรื่องถอดถอน

ชุดสอบวินัย 'บิ๊กโจ๊ก' ยันให้ความเป็นธรรม ไม่ทราบเรื่องถอดถอน

ชุดสอบวินัย “บิ๊กโจ๊ก” ยันให้ความเป็นธรรม ไม่ทราบเรื่องถอดถอน จะบวก-ลบยังไม่รู้ทิศทาง คาดสรุปผลได้เดือนนี้

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ส.ค. ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสอบสวน กรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยมี พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. ,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมคณะกรรมการสอบสวนคนอื่นๆเข้าร่วมประชุม
  พล.ต.อ.สราวุฒิ เปิดเผยว่า ตนเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเรื่องนี้ จึงต้องมาร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า หลังเริ่มทำงานมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ยังเหลือระยะเวลารวบรวมพยานหลักฐานก่อนแจ้งข้อกล่าวหา ขณะนี้ทราบว่า มีการสอบปากคำพยานต่างๆจากฝ่ายผู้กล่าวหาไปแล้วเป็นจำนวนมาก

พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าเราดำเนินการโดยยึดหลักระเบียบข้อกฎหมาย  และให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งภารกิจครั้งนี้ตนเปรียบดังกรรมการแข่งขันฟุตบอลแมตช์สำคัญที่มีคนไทยทั้งประเทศเฝ้ามองอยู่ ในฐานะกรรมการจึงต้องมีความเป็นกลางด้วย
  พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้กล่าวหา ทราบว่าเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทางฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาได้ขอให้การเพิ่ม รวมถึงมีการอ้างถึงพยานบุคคลอีก 5-6 ราย จึงต้องมีการสอบเพิ่มเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หลังจากนั้นจึงค่อยมาสรุปและพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งทิศทางจะเป็นบวกหรือลบตอนนี้ตนยังไม่ทราบ 
  ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลที่จะออกมามีทั้งบวกและลบ หากเป็นลบจะไปทางไหนได้บ้าง พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า ลบก็หมายถึงว่าเราก็แจ้งข้อกล่าวหาไปว่าเขากระทำความผิดตามที่คณะกรรมการมีหน้าที่กล่าวหา หลังจากนั้นเป็นสิทธิ์ของเขาเองว่าจะไปร้องอะไรอย่างไรหรือไม่ 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า ถ้าโทษ เป็นลบ หมายถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออกหรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ ตอบสั้นๆว่า ใช่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการจะพิจารณา มีแค่ 2 ประเด็นนี้
  “ระยะเวลาตรวจสอบทั้งหมดมี 270 วัน หากภายในวันที่ 12 ก.ย. ยังไม่แล้วเสร็จ เรายังสามารถขยายเวลาออกไปได้อีก 60 วัน เพราะยังอยู่ในกรอบระยะเวลา 270 วัน ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ผ่านมาผู้ถูกกล่าวหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ส่วนกรณีที่ไม่เคยมาเข้าพบนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าตัว” รอง ผบ.ตร.กล่าว
  พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนผลการตรวจสอบของคณะอื่นๆ จะออกมาทิศทางไหน ไม่ใด้กังวล หรือกดดัน เพราะเป็นคนละหน้าที่กัน แต่ยอมรับว่าได้มีทำหนังสือไปสอบถามผลคณะตรวจสอบอื่นๆที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และเพื่อความรอบครอบ ส่วนกระแสข่าวว่ามีการถอดถอนแล้วนั้นตนยังไม่ทราบ 
  ต่อมาภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม  พล.ต.อ.สราวุฒิ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องขอชื่นชมคณะกรรมการตรวจสอบชุดนี้ที่ยึดระเบียบข้อกฎหมาย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตอนนี้ทราบว่าสอบปากคำพยานทั้งฝ่ายผู้กล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหาไปทั้งหมดแล้ว 65 ปาก แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างดำเนินการไปด้วยความรอบครอบ 
   ส่วนกรณีที่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ยื่นเรื่องขอให้สอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มอีก 5 ปากนั้น ได้ทำหนังสือไปถึงพยานบุคคลดังกล่าวเพื่อมาให้การในวันที่ 21 ส.ค.นี้ ซึ่งหลังสอบปากคำเสร็จ ก็จะนัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปว่าผลจะออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ โดยคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนประเด็นการพิจารณานั้น จะพิจารณาทุกอย่างหมดขอให้สังคมสบายใจได้ 
  ส่วนกรณีผู้ถูกกล่าวหายื่นเรื่องขอให้สอบพยานเพิ่มอีกนั้น จะถือว่าเป็นการประวิงเวลาหรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวว่า เราให้โอกาสทุกฝ่าย หากมีการยื่นเรื่องขอให้สอบพยานเพิ่ม ก็ต้องมาดูว่าคำให้การของพยานเหล่านี้จะเกิดประโยชน์ สามารถหักล้างข้อเท็จจริงของอีกฝ่ายได้หรือไม่