จับตาทิศทางปชป.ร่วมรัฐบาล 'ชวน' ชี้ยึดมติพรรค ส่วนตัวค้าน

จับตาทิศทางปชป.ร่วมรัฐบาล 'ชวน'  ชี้ยึดมติพรรค ส่วนตัวค้าน

จับตาประชุมสส.พรรคประชาธิปัตย์ประจำสัปดาห์ ถกทิศทางร่วมรัฐบาล "ชวน" ชี้ต้องเป็นมติพรรค จุดยืนส่วนตัวค้าน

ความเคลื่อนไหวพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกจับตาท่าทีจากพรรคร่วมรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวการเปิดดีลระหว่างแกนนำพรรค และบ้านจันทร์ส่องหล้า 

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหว การประชุมสส.ประจำสัปดาห์ เมื่อเวลา14.30น.

บนรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าแกนนำ นายเฉลิมชัย  ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคได้เดินทางเข้าที่ทำการพรรคตั้งแต่ช่วงเช้า 

จากนั้น นายเดชอิศม์  ขาวทอง เลขาธิการพรรค  ได้เดินทางมาถึง ในเวลา 11.00 น. พร้อมกับแกนนำพรรค

ก่อนที่ในช่วงบ่ายนายเฉลิมชัย และ นายเดชอิศม์ ได้เดินทางออกไปจากพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางการจับตาถึงการนัดพบปะพูดคุยถึงทิศทางการเมือง  

 

 

 

ขณะที่ นายชวน​ หลีกภัย​ สส.บัญชี​รายชื่อ​ พรรคประชาธิปัตย์​ เปิดเผยก่อนการร่วมประชุม สส. ถึง​กรณีกระแสข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์​จะร่วมรัฐบาล​ ว่า​ ขณะนี้ยังไม่เป็นมติของพรรค​ และท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นอย่างไรประชาธิปัตย์จะต้อง​เคารพมติพรรค ​  พร้อมยกตัวอย่างการร่วมรัฐบาลที่ผ่าน กับพลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ ว่ามี​ 2 เงื่อนไข​ คือ​ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ และผลักดันนโยบายประกันรายได้​ 

โดยนายชวน​ ยังกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีมติว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ แต่กลับมีการนำเสนอข่าวว่าเป็นเหมือนพรรคอะไหล่ รอจะเสียบ ทำให้ผู้ที่สนับสนุนพรรคเสียใจ จึงอยากให้แยกแยะ ระหว่างพฤติกรรมของพรรค กับพฤติกรรมของคนบางคน​ ซึ่งส่วนตัวไม่ขอออกความเห็นว่า หากประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลจริงควรจะมีเงื่อนไขอะไรเนื่องจากตนไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค เพียงแค่มีจุดยืนส่วนตัวว่าไม่ร่วมตั้งแต่ต้น​  

นายชวน ยังกล่าวว่า ตนไม่อยากถูกประนามว่าทรยศชาวบ้าน เพราะเคยหาเสียง ทำให้แม้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนท่วมท้น แต่ในภาคใต้ไม่มีสส.แม้แต่คนเดียว ซึ่งส่วนตัวมองว่าหากเป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ของฝ่ายค้านจริงๆ​  แต่ถ้าหากเป็นฝ่ายค้านแล้วลังเลใจ เวลามีมติอะไรก็ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะกลัวเขาจะโกรธและไม่ให้ร่วมรัฐบาล เพราะการเป็นฝ่ายค้านแม้สส.น้อย แต่สามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้

"​ ในฐานะที่เป็นสส.​ ทำหน้าที่นิติบัญญัติ​ อะไรที่ดีก็พร้อมสนับสนุน​ เพราะหากทำผิดก็จะเถียงยาก​ ทางออกที่ไม่ให้ถูกยุบพรรค คือไม่กระทำผิดหรือไปแก้กฎหมายในอนาคต ไม่ใช่ให้ยุบทั้งพรรคแต่ให้มีโทษกับผู้ที่กระทำความผิดเป็นรายบุคคล" ​