ฝุ่นตลบ ครม.แพทองธาร 1 ‘ปชป.-ทสท.’ ตาอยู่เสียบรัฐบาล?

ครม.“แพทองธาร 1” ถูกคาดหมายว่า น่าจะถูก“ปิดจ็อบ” ตัดจบในเร็ววัน เพื่อไม่ให้กระทบบรรดาวาระที่ค้างคา โดยเฉพาะการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568

ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ จะมีการประชุมครั้งสุดท้ายวันที่26ส.ค. และคาดว่าวันที่ 4-5 ก.ย. จะเสนอร่างพ.ร.บ.เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯในวาระ 2-3 ก่อนส่งให้ สว.พิจารณาเพื่อมีผลบังคับใช้ก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ2567 วันที่ 30 ก.ย.นี้ 

ท่ามกลางฝุ่นที่ตลบอบอวล บน “การเมืองลี้ลับ”เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณจากพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำ ในโหมดรีเซ็ตพรรค “ปิดจุดอ่อนเก่า-สกัดจุดบอดใหม่” 

สอดรับกับจังหวะหลังการขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายน้อยเพื่อไทย  และการคืนสู่อิสรภาพแบบ 100% ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะ “นายใหญ่เพื่อไทย” ที่ออกสู่ฉากหน้าอย่างเต็มรูปแบบ 

ไม่ต่างจากพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ที่รอบนี้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างหนัก ลามไปถึงสัญญาณแตกหัก ระหว่าง“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และ ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค

โผ ครม.รอบนี้ จากเดิมนายใหญ่เพื่อไทย ประกาศกร้าวต้องไม่มีคนในตระกูลวงษ์สุวรรณ แต่จู่ๆ กลับมีข่าวสายตรงจากบ้านป่า ต่อสายเคลียร์ใจ“บ้านจันทร์ส่องหล้า” ส่งผลให้“วงษ์สุวรรณ”ได้ไปต่อ ขณะที่ “ผู้กองธรรมนัส” อาจถูกสกัดหลุดวงโคจร

ทว่า คล้อยหลังเพียงวันเดียว พปชร.กลับดำเนินมาสู่จุดแตกหัก เมื่อ“ผู้กองธรรมนัส”ประกาศปิดฉาก 6 ปี ที่ฝากตัวรับใช้นาย ส่งสัญญาณไปถึง พล.อ.ประวิตร “ต่างคนต่างอยู่” 

ยังมีอีกเวิร์ดดิ้งสำคัญคือ“ตาอยู่” ทั้งตาอยู่ ที่กินรวบโควตารัฐมนตรี และตาอยู่ที่ไม่ได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล

เช่นนี้จึงมีการจับตาไปที่“พรรคประชาธิปัตย์” ซึ่งถูกจัดอยู่ในอะไหล่ชิ้นใหม่ ที่จะถูกดึงเสียบรัฐบาล หากมีการเตะบางพรรคออก

ยิ่งล่าสุด มีสัญญาณจาก “นายใหญ่เพื่อไทย” ยื่นเงื่อนไข เลือกฝ่ายที่ทุ่มเท บวกกับแรงกระเพื่อมภายในพรรคพลังประชารัฐ ทำไปทำมาอาจกลายเป็น “ปมเสี่ยง” ที่จะหลุดวงโคจร

เหนือไปกว่านั้น มี “ข่าวปล่อย” ออกมาจาก “ค่ายสีฟ้า”อ้างถึงสายตรงจากบ้านจันทร์  ฉายสูตรล้างไพ่ คำนวณจำนวน สส.แต่ละพรรคใหม่ โดยอาจไม่มี “ลุงบ้านป่า” หากเป็นไปตามสูตรใหม่ ก็อาจเป็นการเปิดทางดึง ปชป.เสียบรัฐบาลโดยปริยาย 

ซึ่งภายใต้สูตร10สส.ต่อ1รัฐมนตรี ปชป.มี20+ ก็จะได้ "2รมต."

 

จังหวะ “คีย์แมนสีฟ้า” ต้องจับตา ก่อนหน้านี้ มีการโฟกัสไปที่สัมพันธ์ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค และ “นายเก่า” คือ ทักษิณ ชินวัตร ในการเปิดดีลรักร่วมรัฐบาล

ทว่า จับสัญญาณล่าสุด จากคำให้สัมภาษณ์ของ “เฉลิมชัย” เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่รอให้ถึงเวลาเทียบเชิญ 

หัวหน้าพรรค ปชป. ยังย้ำว่า กระแสเทียบเชิญร่วมรัฐบาล เชื่อว่าไม่น่าจะดีลกับแกนนำคนอื่น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้แล้ว เนื่องจากมอบอำนาจให้ตน ในฐานะหัวหน้าพรรค ในการตัดสินใจ

“หากพรรคตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล จะไปกันทั้งพรรค โดยใช้มติพรรค ไม่มีแตกแถว หรือฝ่ายค้านในรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยต้องทำเทียบเชิญมาอย่างเป็นทางการ” เฉลิมชัย ระบุ 

จังหวะของ“เฉลิมชัย”ในฐานะผู้คุมเกมตัวจริง ถูกตีความว่าอาจเป็นการส่งสัญญาณเปิดหน้าเล่นด้วยตัวเองไม่ใช่ “ตัวตายตัวแทน” อีกต่อไป

ทว่า ทิศทาง “ค่ายสีฟ้า” ยังมีอีกขั้วที่คานอำนาจอยู่ โดยเฉพาะท่าทีล่าสุด จาก“ชวน หลีกภัย”สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งอยู่ในกลุ่มก้อนสีฟ้าที่เป็นปฏิปักษ์พรรคเพื่อไทย พูดถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ยังไม่เป็นมติของพรรค​ และท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ประชาธิปัตย์จะต้อง​เคารพมติพรรค แต่จุดยืนส่วนตัวว่า “ไม่ร่วมตั้งแต่ต้น​”

ต้องลุ้นกันว่า หากที่สุดแล้วมีการดึง ปชป.25เสียงร่วมรัฐบาลจริง จะมีบางส่วนที่“ชื่อไปแต่ไม่ยกมือโหวต”หรือไม่ 

ตัวอย่างมีให้เห็นในมาแล้วในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติร่วมรัฐบาล แต่กลับมีสส.ในกลุ่มอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บางส่วนที่ทำตัวเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล

อีกหนึ่งพรรคที่ต้องจับตา คือ “6 เสียง” ไทยสร้างไทย ที่ยกมือโหวต“แพทองธาร” เป็นนายกฯ แบบ  “ยกพรรค” เมื่อ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา

สส.3 คน คือ สุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร หรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี และอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี  ถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร เพราะเป็นกลุ่มที่มักโหวตสวนมติฝ่ายค้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 

แต่ที่น่าสนใจคืออีก 3 สส.ที่เหลือ ที่เพิ่งโหวตสวนครั้งแรก

เบื้องหน้า “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ชี้แจงว่า เป็นไปเพื่อให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ และมีนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศ ป้องกันความเสียหายต่อประชาชน

ทว่าเบื้องลึกจริงๆ 1 ใน 6 สส. แถมอยู่ในกลุ่มที่เพิ่งโหวตสวนครั้งนี้เป็นครั้งแรก ออกตัวแบบกลายๆ ตั้งแต่ก่อนวันโหวตนายกฯ เสียด้วยซ้ำ ยอมรับว่า มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยจริง เพียงแต่สัญญาณอาจมาเร็วกว่าที่คิดเท่านั้น 

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงต้องจับตาทิศทางพรรคไทยสร้างไทย ที่อาจเป็นหนึ่งพรรคฝ่ายค้าน ที่เตรียมพลิกขั้วหลังจากนี้ 

ท่ามกลางฝุ่นการเมืองที่ตลบ เวลานี้ต้องจับตาโผ ครม."แพทองธาร 1” ที่จะออกมา ใครอยู่-ใครไป เชื่อได้เลยว่า อีกไม่ช้าไม่นาน จะได้รู้กัน!