รัฐสภาใหม่ ‘10 ปีสร้าง - 10 ปีซ่อม’ จาก ‘ค่าเสียหาย’ ส่อกลาย ‘ค่าโง่’ ?

รัฐสภาใหม่ ‘10 ปีสร้าง - 10 ปีซ่อม’ จาก ‘ค่าเสียหาย’ ส่อกลาย ‘ค่าโง่’ ?

รัฐสภาใหม่ “10 ปีสร้าง - 10 ปีซ่อม” ส่อแววจาก “ค่าเสียหาย” จะกลายเป็น “ค่าโง่” นอกจาก "ซิโน-ไทย" ในฐานะผู้รับจ้างจะไม่ต้องเสียค่าปรับแล้ว กลับยังฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 1,596 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • 10 ปีสร้าง - 10 ปีซ่อม” ส่อแววจาก “ค่าเสียหาย” จะกลายเป็น “ค่าโง่” หรือไม่?
  •  มาถึงปัจจุบัน ปี 2567 นอกจาก "ซิโน-ไทย" ในฐานะผู้รับจ้างจะไม่ต้องเสียค่าปรับแล้ว กลับยังฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐสภาเป็นจำนวน 1,596 ล้านบาท
  • เลขาธิการรัฐสภา ตรวจรับอาคารรัฐสภาไปแล้ว 100% เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2567 ที่ผ่านมารวบรัดตัดจบ ก่อนที่ "ภราดร ปริศนานันทกุล" สส.อ่างทอง จากภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ถูกโยงไปยังโครงการ จะเข้ามานั่งเก้าอี้รองประธานสภาฯ

จับตาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พื้นที่ใช้สอย 424,000 ตารางเมตร ซึ่งตั้งตระหง่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถมใช้เป็นที่ประชุมสภาผ้แทนราษฎร และวุฒิสภาในปัจจุบัน  

ทว่า จนถึงเวลานี้ ล่วงเลยมากว่า 10 ปี นับตั้งแต่เริ่มโครงการ จนถึงเปิดใช้งานในปัจจุบัน

ท่ามกลางครหา “10ปีสร้าง-10ปีซ่อม” ส่อแววจาก “ค่าเสียหาย” จะกลายเป็น“ค่าโง่” หรือไม่?

ต้องจับตาการพิจารณาคดีของศาลปกครองกลางวันนี้ (22 ส.ค.67) ที่จะมีการพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 961/2563 ระหว่าง บริษัทซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ผู้ฟ้องคดี) กับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร(ผู้ถูกฟ้องคดี) ซึ่งเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง

จากกรณีสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรผิดสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ สัญญาเลขที่ 116/2556 ลงวันที่ 30 เม.ย.2556 กรณีผู้ถูกฟ้องคดีส่งมอบพื้นที่ให้ล่าช้า จนราคาวัสดุก่อสร้างต้องเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายจึงนำคดีมาฟ้อง

ย้อนที่มาที่ไป กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เม.ย.2563 บริษัท ซิโน-ไทยฯ ผู้รับจ้าง ได้ยื่นฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย 1,596 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระหนี้ให้แก่ผู้ฟ้องคดีเสร็จสิ้น

เวลานั้น มีการตั้งคำถามต่อประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง ถึงสาเหตุการก่อสร้างที่ล่าช้า ที่สุดเป็นความผิดของใครกันแน่

รัฐสภาใหม่ ‘10 ปีสร้าง - 10 ปีซ่อม’ จาก ‘ค่าเสียหาย’ ส่อกลาย ‘ค่าโง่’ ?

อาทิ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” เวลานั้น ยังเป็นเพียง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566  ตั้งคำถามถึงกรณีการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่เกิดความล่าช้าว่า

การก่อสร้างรัฐสภาล่าช้ามากกว่า 2 ปี ผู้รับเหมาต้องเสียเงินค่าปรับตามสัญญามากกว่า 9.8 พันล้านบาท ทำไมค่าปรับจึงเป็น “0” (หายสิ้นไป)?

พร้อมทั้งหยิบยกสัญญาจ้าง ที่ระบุว่าต้องดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.2556 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2563 รวมทั้งสิ้น 2,764 วัน

เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญาแล้วเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2563 ผู้รับเหมาก่อสร้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ได้ 

ทั้งนี้ ตามสัญญาจ้างก่อสร้างฯ “ข้อ 20 ค่าปรับและค่าเสียหาย” กำหนดให้ ผู้รับจ้างจะต้องชำระค่าปรับเป็นรายวัน ในอัตราร้อยละ 0.10 (ศูนย์จุดหนึ่งศูนย์)ของราคางานจ้างก่อสร้างทั้งหมด ตามสัญญา หรือวันละ 12.28 ล้านบาท และต้องชำระค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้ควบคุมงาน และที่ปรึกษาบริหารโครงการ วันละ 332,140 บาท รวมแล้วประมาณวันละ 12.61 ล้านบาทเศษ

รัฐสภาใหม่ ‘10 ปีสร้าง - 10 ปีซ่อม’ จาก ‘ค่าเสียหาย’ ส่อกลาย ‘ค่าโง่’ ?

ปรากฏว่า เวลานั้นกลับมีการใช้ช่องทางตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2564 กำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 

โดยมีแนวทางให้กำหนดอัตราค่าปรับ เป็นอัตราร้อยละ 0 เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจากผลกระทบ

ทำให้คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ อาศัยอำนาจตามระเบียบกระทรวงการคลัง กำหนดอัตราค่าปรับ เป็นอัตราร้อยละ 0 ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือ

ทำให้ต่อมา "สัญญาจ้าง" ถูกปรับเปลี่ยนไปตามมติดังกล่าว จากเดิมค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.10 นั้นได้แก้ไขเป็นสัญญาไม่มีค่าปรับเลย โดยใช้ถ้อยคำว่า “กำหนดค่าปรับเป็นร้อยละ 0”(ศูนย์บาท) เท่ากับว่า ผู้รับจ้างไม่ต้องเสียค่าปรับดังกล่าว ท่ามกลางเสียงครหาที่ตามมาเป็นระยะ 

ที่ผ่านมา การก่อสร้างรัฐสภาที่ยาวนานนับทศวรรษ มีการขยายเวลาก่อสร้างมาถึง 4 ครั้ง จนกระทั่งวันที่ 29 ธ.ค.2563 คณะกรรมการตรวจการจ้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มีมติ 6 ต่อ 2 ไม่อนุญาตให้มีการขยายเวลาก่อสร้างครั้งที่ 5 ตามที่ผู้รับเหมาร้องขอ

 มาถึงปัจจุบัน ปี 2567 นอกจากผู้รับจ้างจะไม่ต้องเสียค่าปรับแล้ว กลับยังฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐสภาเป็นจำนวน 1,596 ล้านบาท

 เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเกิดคำถามว่า นอกจากรัฐสภาจะไม่ได้ “ค่าเสียหาย” จากความล่าช้าของเอกชนแล้ว ยังกลับกลายเป็นว่าต้องจ่าย “ค่าโง่” อีกหรือไม่?

รัฐสภาใหม่ ‘10 ปีสร้าง - 10 ปีซ่อม’ จาก ‘ค่าเสียหาย’ ส่อกลาย ‘ค่าโง่’ ?

แม้ก่อนหน้านี้ ในยุคของ “สรศักดิ์ เพียรเวช” เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คนก่อนหน้านี้ รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องนี้ ได้เคยระบุถึงแนวทางการต่อสู้คดี โดยมั่นใจว่าในสัญญาได้ระบุไว้อย่างชัดเจน “ผู้รับจ้างไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้” ประกอบกับ สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ชดเชยด้วยการขยายเวลาก่อสร้างให้แล้วถึง 4 ครั้ง จึงมั่นใจในข้อต่อสู้

แต่ก็ทั้งหมดทั้งมวล ก็ยังต้องไปลุ้นผลคดีกันอีกยาว 

ขณะเดียวกัน ก็ต้องจับตา เรื่องฉาวว่าด้วยโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ที่มีหลากหลายปมร้อน ถูกร้องปมทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะ “31 สำนวน” ที่ “วิลาศ จันทร์พิทักษ์” อดีตประธานกรรมาธิการ ปปช.สภาฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างที่ไม่ตรงปก เป็นระยะ โดยมีหลักฐานชัดเจน

ทว่า สำนวนคดีเหล่านี้ กลับเงียบหายไปตามกาลเวลา ทั้งที่ไม่ใช่เป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน อีกทั้งยังมีพยานหลักฐานแทบจะครบถ้วน และหลายส่วนที่ถูกร้อง ก็ยังมีการแก้ไขเป็นระยะ  

รัฐสภาใหม่ ‘10 ปีสร้าง - 10 ปีซ่อม’ จาก ‘ค่าเสียหาย’ ส่อกลาย ‘ค่าโง่’ ?

เรื่องฉาวรัฐสภาใหม่ กำลังถูกตั้งข้อสังเกตว่ากำลังถูกตัดตอนหรือไม่ เมื่อล่าสุด"อาพัทธ์ สุขะนันท์" เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คนปัจจุบัน เปิดหน้าออกมาว่า ตนในฐานะหัวหน้าหน่วยงานราชการ ได้ตรวจรับอาคารรัฐสภาไปแล้ว 100% เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา

เป็นการรวบรัดตัดจบ ก่อนที่"ภราดร ปริศนานันทกุล" สส.อ่างทอง จากภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ถูกโยงไปยังโครงการ จะเข้ามานั่งเก้าอี้รองประธานสภาฯ คนที่ 1 จึงไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการตรวจรับอาคารรัฐสภาไปโดยปริยาย

เข้าสู่ยุคสภาสีน้ำเงิน มหากาพย์รัฐสภาใหม่ ได้ปิดฉากลงอย่างราบคาบ แถม "ซิโน-ไทย" ยังได้ลุ้นคดีที่ฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ดีไม่ดีวันนี้อาจได้ “ค่าโง่” เป็นของแถมอีกก้อนใหญ่

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์