เข้าทาง ‘สุภาพร สลับศรี’ สลับค่าย จังหวะ ‘เพื่อไทย’ ดูด 6 'ไทยสร้างไทย'

เข้าทาง ‘สุภาพร สลับศรี’ สลับค่าย จังหวะ ‘เพื่อไทย’ ดูด 6 'ไทยสร้างไทย'

ขับ “สุภาพร สลับศรี” สส.เตี้ย เมืองบั้งไฟ เขต 1 พ้นพรรคไทยสร้างไทย ด้วยข้อหาฝ่าฝืนมติพรรคอยู่หลายครั้ง ผลพวงการขับออกพรรค เปิดโอกาสให้ “สุภาพร” มีโอกาสย้าบซบ “เพื่อไทย”

KEY

POINTS

  • "ไทยสร้างไทย" ลงดาบขับ สส.เตี้ย "สุภาพร สลับศรี" พ้นพรรคเป็นรายแรก หลังฝ่าฝืนมติพรรคหลายครั้ง
  • สส.สุภาพร ไม่น่าเป็นคนเดียวที่จะถูกขับพ้นพรรคไทยสร้าง ยังมี สส.ไทยสร้างไทย รายอื่นโหวตสวนมติพรรคด้วย
  • คาดการณ์ "สุภาพร" จะเข้าสังกัด "พรรคเพื่อไทย" เพราะเดิมทีต้องการลงเลือกตั้งในนาม พรรคเพื่อไทยอยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่หลีกทางให้กับ อดีต สส.ยโสธรเจ้าของพื้นที่เดิม
  • สจ.เดี่ยว สามี "สุภาพร" เป็นคีย์แมนสำคัญ ในการผลักดันให้ภรรยาได้เป็น สส.ยโสธร 

ลงดาบขับ “สุภาพร สลับศรี” สส.ยโสธร พ้นจากสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย เป็นรายแรกของพรรค ด้วยมติเอกฉันท์ของที่ประชุมคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรคไทยสร้างไทย

เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจาก “สุภาพร” พร้อมเพื่อน สส.ของพรรคไทยสร้างไทย เพิ่งเปล่งเสียงเห็นชอบสนับสนุน “แพทองธาร ชินวัตร” จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567

ทำเอา “พรรคไทยสร้างไทย” ที่มี “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”เป็นหัวหน้าพรรค ต้องออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ 6 สส.ที่โหวตสวนท่าทีของพรรค จนนำมาสู่ผลการลงดาบขับ “เจ๊สุภาพร” หรือ สส.เตี้ย ของเมืองบั้งไฟครั้งนี้

เข้าทาง ‘สุภาพร สลับศรี’ สลับค่าย จังหวะ ‘เพื่อไทย’ ดูด 6 \'ไทยสร้างไทย\'

มีการวิเคราะห์กันว่า “เจ๊สุภาพร” ไม่น่าเป็นเพียงคนเดียวที่จะถูกขับพ้น “พรรคไทยสร้างไทย” และน่าจะมี สส.ในก๊วนโหวตสวนของ “ไทยสร้างไทย” ถูกขับพ้นพรรคตามมาอีกระลอก

เข้าทาง ‘สุภาพร สลับศรี’ สลับค่าย จังหวะ ‘เพื่อไทย’ ดูด 6 \'ไทยสร้างไทย\'

กรอบระยะเวลาการหาพรรคใหม่เข้าสังกัดกรณี สส.ถูกพรรคการเมืองขับพ้นสมาชิกพรรค ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 จะต้องหาพรรคการเมืองเข้าสังกัดให้ได้ภายในระยะเวลา 30 วัน

แต่ถ้าไม่สามารถหาพรรคใหม่เข้าสังกัดได้ใน 30 วัน ก็จะทำให้สมาชิกภาพ สส.สิ้นสุดลง ซึ่งกรณี สส.ยโสธร รายนี้ จะส่งผลต่อการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นด้วย หากหาพรรคใหม่สังกัดไม่ทัน

แต่สำหรับ “เจ๊สุภาพร” ไม่น่ามีปัญหา เพราะการทำกิจกรรมทางการเมืองของเธอ ได้ผูกโยงและแอบเปิดตัวกับ “พรรคเพื่อไทย” อยู่หลายครั้งในช่วงระยะหลังนับแต่ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้กลับบ้านเกิด และถูกพักโทษออกจากโรงพยาบาลตำรวจ

“เจ๊สุภาพร”ยังมีภาพแอบย่องเข้าพรรคเพื่อไทยร่วมกับ สส.พรรคเพื่อไทย และ “นายใหญ่” ในที่ทำการพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 ด้วย

สำหรับ “สส.เตี้ย” เดิมทีก่อนลงเล่นการเมืองระดับชาติ เธอคลุกคลีกับชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยลงเล่นการเมืองท้องถิ่น เคยรับราชการเป็นพยาบาลวิชาชีพประจำโรงพยาบาลยโสธร มากว่า 20 ปี โดยประเดิมเล่นการเมืองท้องถิ่นเป็น ส.อบจ.ยโสธร อ.ป่าติ้ว

“สุภาพร” เดิมนามสกุล นามแสง ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พบว่ามีทรัพย์สิน รวม 44,973,396.86 บาท มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 22,975,093.19 บาท

เดิมที "สุภาพร" จะลงสมัคร สส.ยโสธร ในนามพรรคเพื่อไทยตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2566 แล้ว แต่เมื่อเจ้าของพื้นที่เดิมคือ "โอเล่" ปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ" อดีต สส.ยโสธร เขต 1 หลายสมัยของพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมถอย

ทำให้ “สจ.เดี่ยว” ผดุงเกียรติ สลับศรี สามีของ สส.เตี้ย ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร จึงเป็นคีย์แมนผู้อยู่เบื้องหลังออกแรงดันให้ภรรยาสุดที่รักมีชัยชนะเหนือ “เพื่อไทย”

เข้าทาง ‘สุภาพร สลับศรี’ สลับค่าย จังหวะ ‘เพื่อไทย’ ดูด 6 \'ไทยสร้างไทย\'

ย้อนไปในศึกเลือกตั้งซ่อม สส.เมืองบั้งไฟ เขต 1 ถือเป็นการสู้กันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งในยุทธจักรเมืองบั้งไฟ

ผลปรากฎ “เจ๊เตี้ย” สุภาพร พา “ไทยสร้างไทย” เป็นแชมป์ได้สำเร็จ ชนะถล่มทลายขาดลอย 53,130 แต้ม ชนะเหนือ “วีระศักดิ์ โคตรสมบัติ” จากพรรคชาติไทยพัฒนา 25,214 แต้ม ส่วน “ปิยวัฒน” จากซุ้มเพื่อไทยแชมป์เก่า แพ้กระจุย เข้าป้ายที่ 3 ได้13,394 แต้ม

การเมืองระดับชาติ พ.ศ.นี้ “ยโสธร” เขต 1 จึงเปลี่ยนจาก “พันธ์สายเชื้อ” มาเป็น “สลับศรี”

ผลงานของ “เจ๊สุภาพร” ในรัฐสภา สร้างรอยร้าวให้ “ไทยสร้างไทย” ด้วยการโหวตสวนมติพรรคไทยสร้างไทยที่อยู่ขั้วฝ่ายค้านอยู่หลายครั้งหลายหน

ไล่ตั้งแต่โหวตสวนรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2567 จนทำให้ “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” ต้องลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย

“สุภาพร” ยังโหวตสวนมติฝ่ายค้านโดยเห็นชอบรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2567 ในวาระที่ 3

เข้าทาง ‘สุภาพร สลับศรี’ สลับค่าย จังหวะ ‘เพื่อไทย’ ดูด 6 \'ไทยสร้างไทย\'

ผลงานเด็ดล่าสุด ลงมติเห็นชอบ “แพทองธาร” เป็นนายกฯ คนที่ 31 จนทำให้ “ไทยสร้างไทย” ทนไม่ไหว ลงมติขับพ้นพรรคทันที

นับจากนี้ “สุภาพร” ถูกคาดหมายว่าน่าจะเข้าสังกัด “พรรคเพื่อไทย” เพื่อเพิ่มเสียงให้กับพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้ “เพื่อไทย” ที่มี สส. 141 จะเพิ่มเป็น 142 คน

ขณะที่ ตัวสามีของ “เจ๊สุภาพร” คือ “สจ.เดี่ยว" ผดุงเกียรติ ก็น่าจะเข้ามาผนึกกำลังกับ ”ซุ้มบ้านใหญ่กัลป์ตินันท์" ในอนาคต ซึ่งเดิม สจ.เดี่ยวก็มีความคุ้นเคยกับ "เกรียง กัลป์ตินันท์" อดีต รมช.มหาดไทย หัวหน้าทีมอุบลฯ ยโสธร อำนาจเจริญ อยู่แล้ว เพราะต่างทำธุรกิจรับเหมามาด้วยกันในพื้นที่

อีกทั้ง สจ.เดี่ยว มีความสนิทสนมกับ “วิเชียร สมวงศ์” อดีตนายก อบจ.ยโสธร เป็นทุนเดิม

แม้ผลเลือกตั้งปี 2566 “พรรคเพื่อไทย” ไม่สามารถยึดครอง จ.ยโสธร ได้เบ็ดเสร็จเหมือนเช่นเคย เพราะมีเพียง เขต 2 ที่ “บุญแก้ว สมวงศ์” จากพรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งได้ เป็น สส.เท่านั้น

การขับ “สุภาพร” ออกจาก “ไทยสร้างไทย”ว่ากันว่าน่าจะมีปัญหาความขัดแย้งไม่ลงรอยในเรื่องสรรพกำลังในพื้นที่

ผลพวงลงดาบขับ“ตระกูลสลับศรี” พ้น “ไทยสร้างไทย” ทำให้ “เจ๊สุภาพร” ถือวิกฤตเป็นโอกาส “สลับค่าย” ร่วมเสริมการเมืองให้กับ “เพื่อไทย” อย่างง่ายดายและยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้ “พรรคนายใหญ่” ในพื้นที่เมืองบั้งไฟ