'สาธิต' รับเศร้า-เสียใจ ดีเอ็นเอ 'ปชป.' กำลังถูกทำลาย หลังร่วมรัฐบาล 'พท.'
อดีตรองหัวหน้าปชป. รู้สึก เศร้า-รัดทด-เสียใจ หลัง "ปชป." ร่วมรัฐบาล "พท." ชี้ดีเอ็นเอ สถาบันการเมืองที่ยึดอุดมการณ์-ตรวจสอบทุจริตกำลังถูกทำลาย เชื่อฟื้นกลับยาก
นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ต่อกรณีที่พรรคเพื่อไทยส่งเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ปัจจุบันพร้อมจะลืมความขัดแย้งในอดีต ว่า การบริหารพรรคการเมืองต้องคำนึงการบริหารที่ยึดโยงกับประชาชนและทำให้พรรคการเมืองที่สังกัดสามารถดำรงอยู่ได้ในความนับถือของประชาชน ส่วนเหตุผลไปรัก หรือเกลียด ในทางการเมืองไม่มีใครรักกันหรือเกลียดกันแต่เป็นการทำหน้าที่ คนที่เป็นรัฐบาลมีหน้าที่หาเสียงข้างมากไปบริหารประเทศภายใต้ผลประโยชน์ประชาชน พรรคที่ได้เสียงข้างน้อยไม่ได้ร่วมรัฐบาต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ
“ความเป็นมืออาชีพเราจะรักกับความทุจริต อ้างเหตุผลแล้วลืมคำสัญญาหรือวิถีปฏิบัติต่อประชาชนไม่ใช่ความคิดของผู้บริหารพรรคการเมือง ทั้งนี้ไม่มีเหตุผลอื่นจะตอบคำถามว่าเดินหน้าประเทศ ประเทศเดินหน้าได้ แม้ไม่มี 25 เสียง หรือเป็นฝ่ายค้านประเทศก็เดินหน้าได้ และดีด้วยซ้ำในยุคที่มีผู้นำต้องถูกตรวจสอบอย่างหนัก เพราะขาดความน่าเชื่อถือของคุณธรรมและคำพูด” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวตอบคำถามถึงการร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้กลับมาได้อีกครั้งหรือนับถอยหลังของพรรค ว่า ยุคการเมืองธุรกิจการเมืองหรือการเมืองคอนเทนต์สรุปไม่ได้ง่าย ถ้าในอีเอ็นเอของประชาธิปัตย์ที่สั่งสมรุ่นต่อรุ่นวันนี้ไม่มีแล้ว กลายยเป็นผู้บริหารชุดใหม่ คิดธุรกิจการเมือง คือ อยากเข้าไปมีอำนาจ เข้าไปทำงาน แต่ความอยากเป็นรัฐบาลไม่ผิด แต่สถานการณ์การปฏิบัติของรัฐบาลจะยึดโยงผลประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ส่วนรวม
"รัฐบาลต้องการรวบรวมเสียงข้างมากเพื่อไปบริหารประเทศ แต่หากประชาธิปัตย์ไม่ร่วมเสียงก็พอ หรือกรณีเข้าร่วมต้องมีเหตุผลเพียงพอ ว่าการกลืนน้ำลายตัวเองในการตรวจสอบพฤติกรรมทุจริตคอรัปชั่น ศาลพิพากษาลงโทษ หรือการป่วยแล้วบอกป่วย เข้ามาทำให้ประชาชนสิ้นหวังกับการเมืองอย่างแท้จริง ดังนั้นเหตุผลการร่วมรัฐบาลของประชาธิปัตย์ กับการปฏิบัติการทำงานในอดีตที่ผ่านมาขัดแย้งกัน ทำให้มวลชนที่สนับสนุนตังแต่ต้นตามไม่ทันและไม่มีเหตุผลเพียงพอร่วมรัฐบาลในเวลานี้” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าาวย้ำว่า การร่วมรัฐบาลเป็นเป้าหมายหลักของทุกพรรคการเมือง แต่จังหวะการเมืองที่ต่อสู้ เรื่องทุจริตจำนำข้าวทุกเมล็ด การแก้กฎหมายโดยไม่ฟังเสียงข้างน้อย เป็นตัวฟ้องว่าวิธีคิดร่วมรัฐบาลตัดสินใจเพื่อพรรคคการเมืองหรือเพื่อตัวเอง
“ทั้งนี้ผมไม่แปลกใจเพราะเห็นภาพนี้มาตั้งแต่การเลือกตั้งผู้บริหารในพรรค พฤติกรรมของผู้บริหารชุดนี้ การลงมติสวนมติพรรคตัวเอง หรือพฤติกรรมการทำหน้าที่ตรวจสอบในสภา บางคนมองว่าตรวจสอบไม่จริงจัง คล้ายกับอีกพรรคที่เป็นพรรคนำฝ่ายค้าน ผมไม่แปลกใจจะเกิดขึ้น เพราะเห็นภาพตั้งแต่ 8-9 เดือนแล้ว ทั้งนี้แนวทางแบบนี้จะพรรคประชาธิปัตย์ฟื้นยาก ฟื้นกลับมาเป็นดีเอ็นเอต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ เพื่อคุณธรรมและต่อต้านการทุจริตได้ยาก” นายสาธิต กล่าว
อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ผมรู้สึกเสียดายพรรคที่เป็นสถาบันทางการเมือง เศร้า รันทดที่อุดมการณ์ที่ประชาธิปัตย์ที่รู้จักประเทศไทยดีที่สุด และทำหน้าที่ได้ดีที่สุดทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่วันนี้กำลังสูญสิ้นลงด้วยมือผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้ จึงเสียใจอย่างยิ่ง"