'สส.ภท.' ทวงนโยบายรัฐบาล ปุ๋ยคนละครึ่ง-ช่วยชาวนาไร่ละพัน
"สส.ภท." ใช้เวที อภิปรายงบฯ68 ส่วน ก.เกษตรฯ ทวงโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง - ช่วยชาวนาไร่ละพัน บอกไม่เห็นรายการในงบฯ68 ด้าน "สส.ปชน." ขอหั่นงบดูงาน ปูทางเตรียมทำเขื่อนแก่งเสือเต้น
เมื่อเวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วาระสอง โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วันที่สอง ต่อเนื่องในมาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่ยงานในกำกับ วงเงิน 5.5หมื่นล้านบาท ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ปรับลดจากวงเงินเดิม ที่ 5.6หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายขอปรับลดงบของกระทรวงเกษตรฯ ในส่วนของค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการต่างประเทศ 8 โครงการเพื่อศึกษาดูงานการบริหารจัดการน้ำ การสร้างเขื่อน และการดูแล ที่ ประเทศญี่ปุ่นและ สหรัฐอเมริกา รวมวงเงิน 7.6ล้านบาท โดยมองว่าไม่เหมาะสมเนื่องจากประเทศไทยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้างและดูแลเขื่อนมากว่า 40 ปีแล้ว นอกจากนั้นมองว่ามีนัยสำคัญถึงทิศทางของรัฐบาลต้องการพัฒนาสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น หรือ เขื่อนน้ำยม แต่เชื่อว่าไม่ใช่แค่แห่งเดียว ทั้งนี้เขื่อนมีประโยชน์แต่เป็นการจัดการน้ำและแก้ปัญหาน้ำท่วม ได้แล้งได้จริงหรือไม่ เพราะมีผลการศึกษาว่าการสร้างเขื่อนได้ไม่คุ้มเสีย
“โครงการจัดการน้ำมีความจำเป็นแต่เขื่อนขนาดใหญ่ทั่วโลก มีข้อสรุปว่าไม่ใช่ทางออก ทั้งนี้ประเทศที่พัฒนาเลิกสร้างเขื่อน และเขื่อนที่หมดอายุได้ทยอยทุบทำลาย ความรู้ยุคสมัยใหม่มีวิธีการบริหารจัดการน้ำเองได้ไม่ต้องศึกษาดูงาน” นายเลาฟั้ง อภิปราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายมาตราดังกล่าว พบว่า สส.พรรคภูมิใจไทย ฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ได้ใช้สิทธิอภิปรายเพื่อทวงถามความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลในส่วนการช่วยเหลือเกษตรกร ที่ต่อยอดมาจากรัฐบาลที่ผ่านมา
โดยนายอำนาจ วิลาวัลย์ สส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายขอความชัดเจนเกี่ยวกับรายการที่จะชดเชยและเยียวยาชาวนาในโครงการไร่ละ 1,000 บาทในส่วนของการสนับสนุนปัจจัยการผลิต อย่าให้ชาวนาหมดกำลังใจขายที่นาไปทำอย่างอื่น ประเทศไทยจะไม่มีข้าวกิน ทั้งนี้ตนขอฝากไปยังนายกฯ และสำนักงบประมาณ ช่วยชาวนาในการเยียวยา ที่จัดสรรให้ไร่ละ 1,340 บาท ไม่พอกับต้นทุนขอให้เพิ่มอย่างสมเหตุสมผล
ขณะที่นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายขอปรับลดงบ 2% ทั้งนี้ขอทวงถามโครงการที่ช่วยเกษตรกร เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตโดยเฉพาะชาวนา ทั้งนี้มีนโยบายที่ตั้งใจผลักดัน คือ ปุ๋ยคนละครึ่ง ทั้งนี้ในกระทรวงเกษตรกร ไม่มีรายการที่ช่วยเหลือเกษตรกร แม้จะอยู่ในช่วงตั้งรัฐบาลใหม่ เปลี่ยนรัฐมนตรี แต่โครการที่ช่วยชาวนาจำเป็นและต้องมี โดยกมธ.ได้ซักถามหน่วยงานหรือไม่ หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงโครงการปุ๋ยคนละครึ่งเป็นรายการอื่นของงบประมาณขอให้ กมธ. ชี้แจง นอกจากนั้นในส่วนของกรมชลประทาน ได้ตั้งงบไว้ 1.9 หมื่นล้านบาท แต่ปรับลด 57 ล้านบาท ซึ่งส่งผลต่อการแก้ปัญหาระบบน้ำในประเทศให้ลดน้อยลง ทั้งนี้ในกมธ.ได้พูดถึงการแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่
ทางด้านนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกี้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายตอนหนึ่งด้วยว่า กระทรวงเกษตรต้องแก้ปัญหาราคายางที่ยุทธศาสตร์ เพื่อให้มีราคาที่ดีและชาวสวนยางมีความมั่นคั่ง นอกจากนั้นในราคาของทุเรียน ที่พบว่ามีราคาตกต่ำ โดยเฉพาะ พื้นที่จ.สงขลา ราคาที่ 80 บาท ทั้งที่ในช่วงต้นฤดูกาลและท้ายฤดูกาลของทุเรียนมีราคาสูงถึง 250 บาท ดังนั้นขอฝากให้กระทรวงเกษตรฯ พิจารณา ทั้งนี้ตนฝากรัฐบาลในรอบหน้า วันนี้ตนตัด 5% แต่สิ่งที่อยากฝากคือ การดูแลเกษตรกร เพราะถือเป็นหัวใจหลักของประเทศ.