'สส.ปชน.' ตะเพิด ผู้บริหาร ส.พระปกเกล้า เหตุขอเงินบริจาคเก่ง
"สส.ปชน." ขอหั่นงบฯ ส.พระปกเกล้า หลังพบการทำงานไม่คุ้มค่าเงิน ชี้ ผู้บริหารบางคน ขอเงินบริจาคเก่ง แขวะให้เป็นกรรมการมูลนิธิ อย่าเป็นผู้บริหารสถาบัน พร้อมขอหั่นงบสภาฯ ลดค่าอาหาร
ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วาระสอง ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง เป็นประธานการประชุม ซึ่งพิจารณาถึงมาตรา 30 งบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานรัฐสภา ที่กรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาปรับเพิ่มให้เป็น 4,000 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 3,626 ล้านบาท
ทั้งนี้มีการอภิปรายในส่วนของงบประมาณ สภาฯ ที่น่าสนใจ อาทิ นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ อภิปรายขอตัดงบประมาณรัฐสภา 0.01% เพื่อให้ได้สิทธิอภิปราย ทั้งนี้ตนต้องการให้เพิ่มเงินของสภาฯ เป็น 3หมื่นล้านบาท เพราะมีค่าดำเนินการทั้งในส่วนของกรรมาธิการคณะต่างๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย นายพิเชษฐ์ ชี้แจงทันทีว่าสภาฯ รับมอบมาไม่ถึง 3 เดือนต้องปรับปรุง ทุกอย่างที่ใช้มา 5 ปี ยังไม่ได้ทำอะไร ดังนั้นปีนี้ของบเพิ่ม เพราะต้องทนุบำรุงจัดการสภา ได้มานิดหน่อย ช่วงสภาฯ ชุดที่ 25 ไม่ได้ไปต่างประเทศทำให้ขยับงบได้ยาก กลุ่มมิตรภาพรัฐสภาปีนี้ต้องขยับ เนื่องจากปีที่ผ่านมาไม่มีเงิน กลุ่มมิตรภาพมาเยี่ยมแต่สภาฯเราไปไม่ได้
“เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติได้งบน้อยมากหลังถูกปฏิวัติหลายรอบ ถูกตัดตอน วันนี้มีประชาธิปไตยแบ่งบานก็พยายามจะสร้าง ส่วนรายละเอียดขอให้กมธ.ชี้แจง” นายพิเชษฐ์ กล่าว
ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายให้ปรับลดงบของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ พร้อมกับหารือถึงการจัดที่จอดรถให้ สส. ที่มีบางส่วนอยู่ใกล้ลิฟท์โดยสาร ที่พบว่าที่จอดรถว่างตลอด ส่วนสส.ที่มาเช้าต้องจอดรรถไกล ดังนั้นขอให้จัดระบบใหม่ ตรงไหนว่างให้จอด ทั้งนี้ตนเคยเห็นคนทะเลาะกันเรื่องที่จอดรถหลายครั้ง มีคนที่มาเช้าจอดในช่องที่ไม่ใช่ของตนเองเพราะใกล้ลิฟท์ เมื่อเจ้าของช่องมาจอดแต่จอดไม่ได้ จึงจอดขวางและใส่เกียร์ไว้ ทั้งนี้การใช้สิทธิจอดไม่ผิดแต่ต้องพิจารณา
นายครูมานิตย์ อภิปรายต่อว่านอกจากนั้นในส่วนของค่าไปดูงานต่างประเทศขอให้ตัด ใครอยากไปให้ใช้เงินส่วนตัว นอกจากนั้นขอให้ยกเลิกค่าอาหารรับรอง สส. และ กมธ.
“ผมไม่เดือดร้อน เพราะกินลาบ ก้อย จุ้มจุ่ม พวกตนเป็นสส. จะเวียนกันไปซื้ออาหาร น้อยครั้งที่จะเข้าไปกิน ส่วนที่มีอาหารเหลือและให้เอากลับไปกิน ผมอายขอให้งบประมาณปีหน้ายกเลิกไป และควรพิจารณาจัดหาร้านอาหารต่างๆ มาตั้งเป็นตลาดเพื่อให้เลือกซื้อ” นายครูมานิตย์ อภิปราย
ทำให้นาย นายพิเชษฐ์ ชี้แจงว่า ตั้งแต่มีสภาฯมา ทุกอย่างมีเหตุและผล พัฒนามาเรื่อยๆ มาถึงวันนี้ คิดว่าสิ่งที่คงอยู่พัฒนาต่อไป ช่วงที่ว่างเว้นจาก สส. สภาเงียบเหงา หากเขามายึดก็เล็กลง หากมาจากเลือกตั้งก็เบ่งบาน ทุกอย่างมีเหตุมีผล
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สส.ยังอภิปรายขอปรับลดงบประมาณของสถาบันพระปกเกล้า โดย นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอให้ปรับลดงบประมาณของสถาบันพระปกเกล้า เพราะมองว่าการจัดหลักสูตรของสถาบันนั้นไม่เหมาะสม อีกทั้งต้องการให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นกลางเพื่อชี้นำประชาธิปไตย ในหน่วยงานที่มีหลายพรรค หลายพวก หากทำไม่ได้ต้องเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ เพราะพบว่าผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้าเอียงไปกับบางพรรคการเมือง
ทางด้าน ร.อ.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายขอตัดงบของสถาบันพระปกเกล้า ด้วยว่า การทำงานของผู้บริหารปัจจุบันไม่คุ้มค่างบประมาณ ทั้งนี้ หลักสูตรของสถาบันพระปกเกล้า คืนอะไรให้สังคมบ้าง กรณีที่เอากลุ่มผู้บริหารระดับสูง และนักการเมืองอบรมรวมกัน ควรสร้างสถาบันเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นที่หลากหลายและสร้างให้อยู่ร่วมกันในพหุวัฒนธรรม แต่พบว่ากลับมุ่งหาคอนเน็กชั่น แม้ไม่ผิดแต่ควรเป็นเรื่องรอง
“ผมเคยคุยกับผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้าหลังจากเรียนหลักสูตรจบ เขารับรู้ แต่ไม่พร้อมเปลี่ยนแปลง ขณะนี้เลขาธิการ และผู้บริหารบางคน ยังขอบริจาคเงินจากนักเรียน ทำให้ไม่แน่ใจว่าเป็นมูลนิธิ หรือสถาบัน ผู้บริหารยิ้ม ขอเก่ง เอาทุกงาน ผมจำคำมาว่า เขาชอบทำบุญ ดังนั้นขอให้ไปเป็นกรรมการมูลนิธิ อย่ามาเป็นผู้บริหารสถาบัน” ร.อ.ท.ธนเดช อภิปราย
ขณะที่การชี้แจงของกมธ. พบว่ามีเฉพาะเรื่องค่าอาหาร ที่ กมธ.ขอปรับลดลง 15 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งงบ 70 ล้านบาท ทั้งนี้ระบุด้วยว่าสตง. เคยมีข้อท้วงติงสภาฯ ว่ากรณีจัดอาหาร 500 คนในกรประชุมจริงมีไม่ถึง 500 คน นอกจากนั้นมีการจัดอาหารกล่องให้ กมธ.สามัญและวิสามัญ พร้อมกับมีข้อเสนอแนะแนบท้ายให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ พิจารณาว่าควรให้เป็นบัตรที่มีมูลค่า 350 บาท ซึ่งเป็นราคาอาหารต่อวันสำหรับ สส. เพื่อให้ไปเลือกซื้ออาหารทานเอง หากมูลค่าบัตรเหลือจะได้คืนให้สภาฯ จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ ผลปรากฎว่ามติข้างมากเห็นชอบตามที่กมธ.เสนอ.