‘พลังป้อม’ อ่อนแรง ‘บ้านใหญ่’รอจังหวะเข้า ‘ค่ายน้ำเงิน’

สถานะของ “พรรคพลังประชารัฐ” ในมือของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ถือว่าเป็น “พรรคฝ่ายค้าน” เต็มตัว เนื่องจากไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรี” ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร

แม้จะมีตัวแทนจาก สส. กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่ไม่ใช่โควตาในนาม “พลังประชารัฐ” พรรคลุงป้อม-บิ๊กบ้านป่า จึงต้องจำใจ-จำนน ร่วมงานกับ “พรรคประชาชน” อยู่ในขั้วฝ่ายค้าน โดยมีโอกาสแยกตัวมาเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” ไม่อิงการทำงานกับพลพรรคสีส้ม

อย่างไรก็ตาม “บิ๊กป้อม” เดินเกมปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ โดยตัวเองยังนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค มี “ไพบูลย์ นิติตะวัน” นั่งเลขาธิการพรรค มี 20 สส. เป็นแรงหนุน

ทว่า “บิ๊กป้อม” รู้ดีว่าการยืนอยู่ในสถานะพรรคฝ่ายค้าน ยากที่จะรั้งให้ สส. อยู่ร่วมงานกับพรรคไปได้ตลอดรอดฝั่ง อีกทั้งพาวเวอร์ทางการเมืองของ “บิ๊กป้อม” ยิ่งโรยราอ่อนแรงลงไปทุกที การจะคอนโทรลให้ “นักการเมือง” อยู่ร่วมด้วยช่วยกันคงยาก

ทำให้ สส. พลังประชารัฐ อยู่กับแบบใจแลกใจ เพื่อถนอมน้ำใจ “บิ๊กป้อม” ผู้มีพระคุณและช่วยเหลือกันในช่วงเรืองอำนาจ แถมบางคนรู้จักมักคุณกับ “ตระกูลวงษ์สุวรรณ” มาอย่างยาวนาน

เช็คลิสต์สถานะของ “20 สส.” ในบ้านป่ารอยต่อ โดยเฉพาะ “กลุ่มบ้านใหญ่” ที่แม้จะมีโอกาสแยกย้ายเข้าสังกัดอื่น แต่เลือกไม่ทิ้ง “ลุง” ในช่วงเวลายากลำบาก

“บ้านใหญ่เพชรบูรณ์” นำทีมโดย สันติ พร้อมพัฒน์ มี 6 สส. ประกอบด้วย  วันเพ็ญ พร้อมพัฒน์  พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์  จักรรัตน์ พั้วช่วย  บุญชัย กิตติธาราทรัพย์ วรโชติ สุคนธ์ขจร อัคร ทองใจสด”

“สันติ-ทีมเพชรบูรณ์” เลือกไม่ทิ้ง “บิ๊กป้อม” ทั้งที่มีดีลจาก “ธรรมนัส” เหตุผลหลักเพราะมีแผลเก่ากับ “ธรรมนัส” ที่ยากจะมาสมานกันได้ อีกเหตุผลคือการตอบแทน “บิ๊กป้อม” ที่ดูแลกันมาอย่างดี

ทว่า ในทางลับรู้กันดีว่า “สันติ” ไม่มีความสุขกับพรรคพลังประชารัฐ แต่จะตัดบัวไม่เหลือใย จากไปในทันทีไม่ได้ อย่าลืมว่าก่อนการเลือกตั้งปี 2566 สันติเกือบย้ายเข้า “ค่ายสีน้ำเงิน” แต่มีรายการ“ลุงขอมา”จึงเลือกอยู่ทีมบ้านป่าต่อ

ดังนั้น เมื่อถึงเวลาตอบแทนบุญคุณกันจบ มีโอกาสสูงที่ “สันติ” จะพาทีมย้ายไปอยู่กับ “ค่ายสีน้ำเงิน” เนื่องจากสไตล์ของ “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” มักแจกเก้าอี้รัฐมนตรีตามสูตรคณิตศาสตร์ทางการเมือง หากได้ สส. 6 ที่นั่ง กวาดยกจังหวัดเพชรบูรณ์ เก้าอี้รัฐมนตรีย่อมอยู่ในมืออย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ช่องทางของ “สันติ” กับพรรคเพื่อไทย ยังเปิดกว้างเช่นกัน เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แต่เมื่อดูการแบ่งโควตารัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยแล้ว โควตา “เจ๊แดง” ถูกตัดออก จึงต้องเช็คทิศทางลมให้ดีเสียก่อน

“บ้านใหญ่กำแพงเพชร” นำโดย วราเทพ รัตนากร มี 2 สส. ประกอบด้วย  อนันต์ ผลอำนวย และปริญญา ฤกษ์หร่าย 

ขณะที่ “วราเทพ” มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ “เพื่อไทย” หากหมดภารกิจกับ “พลังประชารัฐ” โอกาสกลับเข้าค่ายสีแดงมีสูง

“บ้านใหญ่สระแก้ว” มี 2 สส. คือ ตรีนุช เทียนทอง และขวัญเรือน เทียนทอง  แม้จะมีการมองว่า “สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมเปิดทางให้ “ขวัญเรือน-ตรีนุช” กลับเข้าพรรคเพื่อไทย

แต่เนื้อแท้แล้ว “ขวัญเรือน” ไม่ใช่เลือดแท้ “เทียนทอง” เสียทีเดียว การผนึก “เทียนทอง” ให้กลับมาครองความแข็งแกร่งใน “สระแก้ว” จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

ที่สำคัญหากจะมีใครเดินออกจาก “บ้านป่า” คนสุดท้ายคนนั้นอาจจะเป็น “ขวัญเรือน-ตรีนุช” เพราะทั้งสองรักและเคารพ “บิ๊กป้อม” มานาน ตั้งแต่มีตำแหน่งในกองทัพ ดูแลพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 และเป็น “บิ๊กป้อม” ที่ให้โอกาส “ตรีนุช” ดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ บุญคุณนี้จึงต้องตอบแทน

“บ้านใหญ่สิงห์บุรี” นำโดย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต รมว.ดีอีเอส มี “โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” เป็น สส. เพียงคนเดียว “ชัยวุฒิ” ได้รับการสนับุสนุนจาก “บิ๊กป้อม” ให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี จึงยากที่จะเดินจากไป

ด้าน “สส.นกแล” แบ่งออกเป็น 2 สาย “นกแลอีสาน” ประกอบด้วย กาญจณา จังหวะ สส.ชัยภูมิ กระแส ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร  วิริยะ ทองผา สส.มุกดาหาร

“นกแลภาคใต้” ประกอบด้วย  สุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช คอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี  ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา  ทวี สุระบาล สส.ตรัง

ว่ากันว่า “สส.นกแล” ส่วนใหญ่เข้ามานั่งเก้าอี้ สส. ได้ เนื่องจากได้รับท่อน้ำเลี้ยงจาก “บ้านป่า” แม้จะมีฐานเสียงอยู่บ้าง อาจจะไม่ใช่ปัจจัยหลักที่คว้าชัยศึกเลือกตั้ง 

อย่างไรก็ตามมี “นกแลบางคน” ที่ฐานเสียงเข้มแข็ง อยู่ในสายตาของ “บ้านสีน้ำเงิน” โดยเฉพาะ  กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ

หลังจากนี้ จับตา “20 สส.” พรรคพลังประชารัฐ แม้ชื่อจะยังอยู่กับ “บิ๊กป้อม” แต่อาจจะมีใจให้กับ “ค่ายสีน้ำเงิน” และ “ค่ายสีแดง” รอเพียงวันที่ “บิ๊กป้อม” ไฟเขียว ให้แยกทางกันเท่านั้น