สัญญาณ‘สว.น้ำเงิน’ขวาง‘พท.’ สกัด‘กาสิโน-เอ็นเตอร์เทนเมนต์’

สัญญาณ‘สว.น้ำเงิน’ขวาง‘พท.’ สกัด‘กาสิโน-เอ็นเตอร์เทนเมนต์’

รัฐสภา นัดอภิปรายในนโยบายรัฐบาล "แพทองธาร" วันนี้ จับตาไปที่ "สว." ที่ "บ้านใหญ่" ส่งสัญญาณ ลุก อภิปราย"นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ที่ยังข้องใจ

KEY

POINTS

Key Point

  • 12-13 ก.ย. รัฐสภา มีการแถลงนโยบายรัฐบาล "แพทองธาร ชินวัตร"
  • รอบนี้ "พรรคประชาชน" ไม่ได้วางประเด็นจัดเต็ม เหมือนครั้งอภิปรายนโยบาย "เศรษฐา ทวีสิน" เมื่อ1 ปีที่แล้ว
  • รอบนี้ "ฝ่ายค้าน" โฟกัสไปที่เนื้อหา 1 ปี การทำงานของรัฐบาลเพื่อไทย ว่ามีอะไร ล้มเหลว ไม่ได้เรื่องบ้าง
  • หาก "เพื่อไทย" ไม่ตั้งขุนพลรองรับการปะทะ เชื่อว่า "แพทองธาร" อาจเสียรังวัดไปด้วย แม้ยังไม่เริ่มทำงาน
  • อีกฝั่งที่ต้องจับตา คือ "สว." ที่ขณะนี้มีสัญญาณส่งมาจาก "บ้านใหญ่" ให้ฉายความแคลงใจประเด็น "กาสิโน-เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
  • แม้ "อนุทิน" บอกว่าไม่ติดใจนโยบายนี้ หากประชาชนได้ประโยชน์
  • แต่ลึกๆ แล้วดูเหมือนไม่เป็นแบบนั้น แต่ตัวเองพูดไม่ได้ ต้องส่งซิกให้ "สว.สีน้ำเงิน" พูดแทน

 

วาระการเมืองในสภาฯ จับตาการแถลงนโยบายรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ คนที่31 ต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งกำหนดให้พิจารณา 2 วัน คือ 12 - 13 ก.ย.2567 นี้

หากดูปฏิทินแล้ว จะถือว่าครบรอบ 1 ปีการทำงานของ “รัฐบาล-เพื่อไทย” พอดิบพอดี นับจากวันที่ “เศรษฐา ทวีสิน” แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อ 11 ก.ย. 2566

ทำให้ “พรรคประชาชน” ฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ได้จังหวะ “ชำแหละผลงานรัฐบาล-เพื่อไทย” ในรอบ 1 ปี แทนการจับผิด ว่า นโยบายของรัฐบาลมีอะไรที่ “ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง” เหมือนที่ครั้งยังเป็น “พรรคก้าวไกล” 

ครั้งนั้นตั้งประเด็นตรวจสอบ “นโยบาย-เศรษฐา” ที่มองว่าเป็นส่วนต่อขยาย นโยบายจากรัฐบาล ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หรือไม่

ครั้งนี้ ถึงคราวอัดซ้ำใน “ผลงาน-พรรคเพื่อไทย” ฐานะคู่แข่งทางการเมือง ที่ “พรรคประชาชน” ย้ำมาตลอดว่า “ไม่ได้เรื่อง-ล้มเหลว” 

สัญญาณ‘สว.น้ำเงิน’ขวาง‘พท.’ สกัด‘กาสิโน-เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ เช่น นโยบายลดค่าครองชีพประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ ลดบทบาทกองทัพ และปฏิรูปรัฐราชการรวมศูนย์

แม้ในบทบาทของ “พรรคฝ่ายค้าน” ที่เปลี่ยนหัวเป็น “เท้ง-ณัฐพงษ์​ เรืองปัญญาวุฒิ” จะไม่ฉะฉาน ชัดเจน เด็ดขาด ว่าวางบทบาทฐานะ “คู่แข่งทางการเมือง”

แต่การที่ “พรรคเพื่อไทย” ไม่ตั้งขุนพลรองรับการปะทะ-ตอบโต้ไว้บ้าง อาจทำให้ “แพทองธาร” ที่ยังไม่ได้เริ่มทำงานฐานะ “นายกฯ” อย่างสมบูรณ์ สุ่มเสี่ยงจะเสียรังวัดไปด้วย

ฃขณะที่ความเคลื่อนไหวของ สว. ต่อการอภิปรายนโยบายรัฐบาล “แพทองธาร” ถูกจับตาไม่แพ้กันว่า เพราะสภาสูงที่ถูกขนานนามว่า เป็น “สภาสีน้ำเงิน” จะโชว์บทบาทออกมาในรูปแบบใด

สัญญาณ‘สว.น้ำเงิน’ขวาง‘พท.’ สกัด‘กาสิโน-เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ การอภิปรายนโยบายรัฐบาล จากการจัดสรรเวลา พบว่า “สว.” ได้เวลาอภิปราย 270 นาที ซึ่งจะจัดสรรให้กับ “สว.” ที่แจ้งความประสงค์อภิปราย เบื้องต้น “พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์” รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง มอบหมายให้วิปวุฒิสภาดำเนินการ และแจ้งจำนวนอย่างไม่เป็นทางการว่ามี สว.57 คนขอคิวอภิปราย

ส่วนประเด็นอภิปรายของ สว. นั้น แตกต่างและคละกันไป ทั้งในประเด็นภาพรวม นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ รวมถึงนโยบายที่เจาะจงไปในรายหน่วยงานรายกระทรวงตามบทบาท

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีประเด็นที่ถูกส่งสัญญาณมาเป็นพิเศษจาก “บ้านใหญ่” ที่ขอให้ซักละเอียด นโยบายเร่งด่วนลำดับที่ 7 การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว ว่าด้วยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ การเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

ต่อเรื่องนี้ “บุญส่ง น้อยโสภณ” รองประธานสภาฯ คนที่สอง กล่าวบนเวทีวุฒิสภาพบสื่อมวลชน เมื่อ 10 ก.ย. ตอนหนึ่งว่า ภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการให้ต่างชาติเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปี มีผลกระทบต่อประโยชน์ประเทศ ถือเป็นประเด็นที่หนักหนาสาหัส ต้องพูดอีกยาว ดังนั้นการแถลงนโยบายรัฐบาล จะต้องถาม และชี้ให้เห็นว่าไม่ชอบอย่างไร

สัญญาณ‘สว.น้ำเงิน’ขวาง‘พท.’ สกัด‘กาสิโน-เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ พร้อมทิ้งท้ายว่า “ประเทศไทยไม่ใช่เมืองขึ้น หากจะทำให้เหมือนเกาะฮ่องกง หรือมาเก๊า ที่เขาต้องการให้เป็นเมืองขึ้นไม่ได้”

แน่นอนว่า ท่าทีของ “สว.” สอดรับกับความเห็นของ “พรรคภูมิใจไทย” ที่ประกาศชัดว่า ไม่เห็นด้วย ทั้งประเด็นกาสิโน และเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้ภายหลัง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะปฏิเสธว่า ไม่เคยบอกว่าไม่เห็นด้วย แต่มีเงื่อนไขคือ “ประชาชนได้ประโยชน์”

นั่นหมายความว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้องไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคหรือนักการเมืองเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ในประเด็นของสว. ต่อนโยบายเร่งด่วนลำดับที่ 7 นี้ มีแนวที่จะตั้งเป็นคำถามสำคัญ ต่อรัฐบาลเพื่อไทยว่า เป็นการชงเอง กินเองแบบรวบรัดตัดตอนหรือไม่ เพราะ ก่อนหน้านี้ “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง นั่งหัวโต๊ะ เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ

สัญญาณ‘สว.น้ำเงิน’ขวาง‘พท.’ สกัด‘กาสิโน-เอ็นเตอร์เทนเมนต์’ เหมือนตั้งเรือธงว่า “ต้องเดินหน้า” ก่อนที่จะระบุไว้ชัดเจนในรูปเล่มของคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยนายกฯแพทองธาร

ทั้งๆ ที่ในการลงพื้นที่หาเสียงของ “พรรคเพื่อไทย” ตอนเลือกตั้ง ไม่เคยนำเสนอกับประชาชน เหมือนกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 

เท่ากับว่าไม่เคยได้รับฉันทามติเบื้องต้นจากประชาชนมาก่อน ดังนั้นการจะถือว่า “ตนเองมีอำนาจบริหาร-เหนือกว่าคนอื่น” แล้วจะทำอะไรก็ได้ อาจไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี อีกทั้งในกระบวนการศึกษาของกรรมาธิการฯ ยังพบประเด็นข้ออ่อนไหวในทางปฏิบัติ ที่ “สังคมส่วนใหญ่” อาจไม่เห็นด้วย

นอกจาก “วุฒิสภา”จะใช้เวทีแถลงนโยบายรัฐบาล สะท้อนความแคลงใจแล้ว ยังพบว่า มี สว.ในกลุ่มก๊วน "สีน้ำเงิน” ได้ “ยื่นญัตติ” เพื่อขอตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษานโยบายของรัฐบาลในการทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และเตรียมเชิญ “สังศิต พิริยะรังสรรค์” อดีตสว. และนักวิชาการอิสระ มาร่วมเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ เพื่อหวังให้เกิดผลการศึกษาที่เสมือนเป็น “เสียงค้าน” เพื่อไทย แทน “ภูมิใจไทย” ที่อยู่ร่วมรัฐบาล ซึ่งมีภาวะน้ำท่วมปาก

ดังนั้น ต้องจับตาการอภิปรายนโยบายรัฐบาล “แพทองธาร” รอบนี้ให้ดี ที่อาจพอได้เห็นโฉมว่า ใครคือ “มิตรแท้” และใครกันแน่คือ “งูเห่า”.