แกะรอยเกมรุกฆาต 'ประวิตร' ตีแตก ‘พลังประชารัฐ’ สลายฐานที่มั่น ปิดฉากพี่ใหญ่

แกะรอยเกมรุกฆาต 'ประวิตร' ตีแตก ‘พลังประชารัฐ’ สลายฐานที่มั่น ปิดฉากพี่ใหญ่

แกะรอยเกมรุกฆาต 'ประวิตร วงษ์สุวรรณ' ตีแตก ‘พลังประชารัฐ’ สลายฐานที่มั่น ปิดฉากพี่ใหญ่ จับตาทวงคืน 'บ้านป่า‘ สกัดนั่งต่อ ’บ้านอัมพวัน'

KEY

POINTS

  • จับตาเกมรุกฆาต "ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เมื่อไม่หยุดฝันเป็น "เบอร์หนึ่ง" ขั้วตรงข้ามจึงต้องร่วมกันสกัด
  • โดยผนึกกำลังกับ "ลูกน้องเก่า" วางเกมแว้งกัน "นายเก่า" ปล่อยคลิปหลุด จน "ลุงบ้านป่า" ต้องคิดหนัก เพราะคลิปลับอาจจะมีมากกว่าที่ปล่อยออกมา
  • หลังจากนี้ติดตามการยึด "พรรคพลังประชารัฐ" ยึดคืน "บ้านป่า" ในพื้นที่ ร.1 รอ. ยึดเก้าอี้ประธานโอลิมปิคฯ เพื่อดับแสง-ดับฝัน "ลุง" ชื่อ "ประวิตร วงษ์สุวรรณ"

ปรากฏการณ์ดิสเครดิต “บิ๊กบราเธอร์” ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป้าหมายรุกไล่ ชนิดต้อนเข้าสู่มุมอับทางการเมือง

ล่าสุด การปล่อย “คลิปหลุด” เสียงสนทนาคล้าย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในบริบทผู้บัญชาการหลังฉากการเมือง ที่มีความฝันอยากเป็น “เบอร์ 1” สักครั้ง 

จึงกลายเป็นการคอนเฟิร์มกระแสข่าว ที่ว่าลุงอยากนั่งเก้าอี้ “นายกฯ” ว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่กระแสข่าวลือ

คลิปที่มีคนจงใจปล่อยผ่านสื่อ สะท้อนปฏิบัติการของ “ทีมบ้านป่า” ในการสานฝัน “ลุง” ด้วยการล้ม “เศรษฐา ทวีสิน” ย่อมไม่ใช่เรื่องโคมลอย

ที่สำคัญวงลับ ยังปล่อยข่าวอีกว่า “ลุง” ต้องการล้ม “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หากทำได้สำเร็จ ก็จะเปิดปฏิบัติการเขี่ย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกฯ พรรคภูมิใจไทย ออกจากเส้นทางด้วยเช่นกัน

เมื่อ “ลุง” ไม่หยุดฝัน บรรดา “นักร้อง” ข้างกาย จึงผนึกกำลังกับ “ผู้จัดการม็อบ” พยายามสร้างเงื่อนปมทางการเมือง เพื่อเกม"นิติสงคราม" ก่อนต่อยอด เปิดเกม “มวลชน” กดดัน

ฝั่ง “ลูกน้องเก่า-คนเคยรัก” แปรพักตร์ทอดทิ้ง “ลุงบ้านป่า” ไปสวามิภักดิ์นายใหญ่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ขน 20 สส.พรรคพลังประชารัฐ ครึ่งพรรค ไปสังกัด“กลุ่มร้อยเอก” เปิดหน้ารบ “กลุ่มนายพล”

แกะรอยเกมรุกฆาต \'ประวิตร\' ตีแตก ‘พลังประชารัฐ’ สลายฐานที่มั่น ปิดฉากพี่ใหญ่

ชั่วโมงนี้ บิ๊กป้อม “ประวิตร” จึงถูกล้อมรอบด้าน ด้วยปฏิบัติการโค่นลุง เพื่อไม่ให้ตั้งหลัก เดินแผนล้มนายกฯ “แพทองธาร” ไม่เช่นนั้น “คลิปหลุด” อาจจะตั้งใจหลุด โดยมีไฮไลต์มากกว่านี้อีก 4 คลิป

เมื่อตรวจสอบแนวรุกบิ๊กป้อมในเวลานี้ กำลังเผชิญ 4 สถานการณ์ร้อน ดังนี้ 

เกมรุกแรก โฟกัสที่พรรคพลังประชารัฐ กล่องดวงใจ ซึ่งเป็นขุมอำนาจการเมืองของ “ประวิตร” ตั้งแต่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคขน 20 สส.ในสังกัด ไปสนับสนุน “แพทองธาร” นั่งนายกฯ จนได้โควตารัฐมนตรีเป็นของตัวเอง ทำให้การต่อรองทางการเมืองของ “ประวิตร-พลังประชารัฐ” อ่อนแรงลง

แม้ “ประวิตร” ยังเหลือ 20 เสียงในสภาฯ แต่การถูกผลักไปอยู่ใน“ขั้วฝ่ายค้าน” ทำให้ สส.สายตรงประวิตร เริ่มทบทวนสถานะของตัวเอง โดยเฉพาะ “กลุ่มบ้านใหญ่” ที่ต้องการอยู่ในขั้วรัฐบาล

มีกระแสข่าวว่า “บ้านใหญ่มะขามหวาน” มีดีลกับ “ค่ายสีน้ำเงิน” ซึ่งเป็นดีลเดิมก่อนเลือกตั้งปี 2566 เนื่องจาก “หัวหน้าเมืองมะขาม” ชอบสไตล์การบริหารเก้าอี้รัฐมนตรีของ “เบอร์หนึ่งบุรีรัมย์”

เช่นเดียวกับ “บ้านใหญ่กำแพงเพชร-บ้านใหญ่สระแก้ว” ที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับ “ค่ายสีแดง” หากจะเปิดดีลย้ายค่าย คงไม่ใช่เรื่องยาก แม้ใจจะอยากตอบแทนบุญคุณ “ประวิตร” แต่เมื่อเดินต่อได้ยาก ก็อาจต้องหารันเวย์ใหม่

สภาพของ “พรรคพลังประชารัฐ” ในเวลานี้ ยากที่จะกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเก่า เมื่อเช็ค “ขุมกำลัง” การเมืองของ “ประวิตร” ต้องถือว่าพรรษาทางการเมือง ยังห่างไกลจากค่ายอื่นอยู่มาก

แกะรอยเกมรุกฆาต \'ประวิตร\' ตีแตก ‘พลังประชารัฐ’ สลายฐานที่มั่น ปิดฉากพี่ใหญ่

เกมรุกที่สอง ฐานที่มั่นสำคัญ ที่ตั้ง “มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ” ซึ่ง "ประวิตร” ใช้เป็นฐานบัญชาการทางการเมือง ตั้งแต่ยุคตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และยุคเรืองอำนาจของ “คสช.”

จึงมีการจับตาว่า อาจจะมีบัญชาลับของ “นายใหญ่” ให้รุกฆาตยึด “บ้านป่าฯ” ไล่ “ประวิตร” ออกจากพื้นที่ ร.1 รอ. ซึ่งปัจจุบัน “มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ” ได้ทำสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ 3 ปี/ครั้ง จ่ายค่าเช่าปีละ 120 บาท/ปี 

โดยพื้นที่ดังกล่าว ขึ้นตรงกับกระทรวงการคลัง เนื่องจาก “กองทัพบก” จัดสรรที่ดินให้เกิดประโยชน์ จึงถ่ายโอนให้ไปทำสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ ที่ตั้งของ “มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ” จึงสามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุได้ จนกว่า “กองทัพบก” จะขอคืนพื้นที่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางหนึ่งทางใด

ดังนั้นหาก “บิ๊กเนม” คนใดจะไล่ “ประวิตร” จนกระดาน ก็ต้องอาศัยกลไกของ “กองทัพบก” อาศัยอำนาจ “ผบ.ทบ.” ในการปฏิบัติการ แต่พี่น้องเลือด “ทหาร” การจะไล่ต้อนกันแบบ “นักการเมือง” คงยากเช่นกัน

แกะรอยเกมรุกฆาต \'ประวิตร\' ตีแตก ‘พลังประชารัฐ’ สลายฐานที่มั่น ปิดฉากพี่ใหญ่

เกมรุกที่สาม ยึดเก้าอี้ "ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์" ซึ่ง “ประวิตร” นั่งตำแหน่งประธานมา 2 สมัยติดต่อกัน โดยวาระแรก 4 ปี ได้รับเลือกเมื่อ 5 เม.ย.2560 จากนั้นได้รับเลือกสมัยที่สองปี 2564 ซึ่งกำลังจะครบวาระปีหน้าในเดือน เม.ย.2568

ว่ากันว่า มี “บิ๊กเนม” วางเกมโดยใช้ช่องโหว่ที่ไทยถูกตัดสิทธิ จากสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (Olympic Council of Asia : OCA) ยกเลิกการจัดการแข่งขันเอเชียนอินดอร์ และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ (AIMAG) ครั้งที่ 6 ซึ่งไทยต้องเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 21-30 พ.ย.2567 ที่กรุงเทพฯ และชลบุรี

ช่องโหว่ดังกล่าว แม้ส่วนหนึ่งจะมาจากปัญหาภายในของ “กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ในยุคของ “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” แต่ส่วนหนึ่งสะท้อนถึงการบริหารที่ผิดพลาดของ “ประวิตร”

อย่างไรก็ตาม การคัดเลือก “ประธานโอลิมปิคฯ” ต้องอาศัยเสียงจาก 38 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย คัดให้เหลือ 23 สมาคม เพื่อมาคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ สมาคมละ 10 คน รวมเป็น 33 คน

โดยจะมีตัวแทน OCA แห่งประเทศไทย 1 คน คือ คุณหญิง ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และนักกีฬาที่ได้เหรียญ 1 คน รวม 35 คน มาโหวตเลือก “ประธานบอร์ดโอลิมปิคฯ”

มีกระแสข่าวว่า “หนึ่งหญิง” ผู้มากอิทธิพลในสมาคมกีฬา เป็นตัวหลักในการเดินเกมคัดเลือก “ประธานบอร์ดโอลิมปิคฯ” ที่ผ่านมามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ “ประวิตร” แต่ในระยะหลัง คิดสร้างอาณาจักรของตัวเอง หวังขยับบารมีตัวเอง ขึ้นมานั่งเก้าอี้ “ประธานบอร์ดโอลิมปิคฯ”แทน

จึงน่าจับตาว่า “ประวิตร” จะรักษา "บ้านอัมพวัน" ฐานที่มั่นแห่งที่สองไว้ได้หรือไม่ หลังจาก “บ้านป่าฯ” ถูก “นักการเมือง” เขย่าจนไฟลามทุ่ง

เกมรุกที่สี่ มีการเคลื่อนเกม เพื่อยึดอาณาจักร “องค์กรอิสระ” ที่ขึ้นตรง “บ้านป่า” มาตั้งแต่ยุค คสช. ต่อเนื่องมาถึงยุค “250 สว.” โดยเตรียมแต่งตั้ง-คัดเลือก ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ทดแทนในส่วนที่กำลังจะครบวาระ จำนวนไม่น้อย

ในช่วงที่ “ประวิตร” เรืองอำนาจ ถนนทุกสายมุ่งตรงเข้า “บ้านป่า” คอนเน็กชันเกือบทุกองค์กร-ทุกวงการ พยายามเชื่อมสัมพันธ์กับเจ้าของบ้าน เปิดดีลต่อรองนั่งเก้าอี้สำคัญ

ที่ผ่านมา องค์กรอิสระอย่าง “ป.ป.ช.” คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ถูกมองว่ามี “บิ๊กเนม” ใช้เป็นเครื่องมือไล่ต้อน “นักการเมือง” เข้าสังกัดพรรค โดยมีเงื่อนไขทางคดีมาเป็นข้อต่อรอง และปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า “องค์กรอิสระ” หลายองค์กรถูกใช้ปฏิบัติการลับ โดยหลายเรื่องสำคัญ ถูกชี้เป้าว่ามี “คนบ้านป่า”อยู่เบื้องหลัง

ทั้งหมดคือปฐมบท ในการเปิดปฏิบัติการรุกไล่ “ประวิตร-ทีมบ้านป่า” ให้พ้นกระดานการเมืองในยุคนี้

ไม่ว่าบทสรุปของเกมปิดฉากบ้านป่าจะจบลงอย่างไร แต่บทเรียนของ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ที่ถูกมองว่า “ฆ่าน้อง-ขายเพื่อน” เลือกปล่อยให้น้ำเข้ามาจางเลือด จนอาจต้องลงจากหลังเสือ ด้วยบาดแผลฉกรรจ์