'สว.ขวัญชัย' จี้ 'รัฐบาล' ทบทวนทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

'สว.ขวัญชัย' จี้ 'รัฐบาล' ทบทวนทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

"สว." ลุกท้วงนโยบาย "แพทองธาร" จี้ให้ทบทวนทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำไม่ทันในรัฐบาลนี้

ที่รัฐสภา ในการประชุมรัฐสภา ซึ่งมีวาระให้คณะรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของ สว. ที่ได้โควตาอภิปรายพบประเด็นที่น่าสนใจ ถึงการตั้งข้อสังเกตของการทำนโยบายเร่งด่วนลำดับที่7 ว่าด้วยการทำ สถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อสร้างรายได้

โดย นายขวัญชัย แสนหิรัณย์ สว. กลุ่มวิทยาศาสตร์ อภิปรายว่า การสร้างสถานบันเทิงครบวงจร ที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วน เชื่อว่าจะไม่สามารถทำให้สัมฤทธิ์ผลได้ภายใน 3-5 ปี หรือทันในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะต้องใช้เวลาในแต่ละขั้นตอนจำนวนมาก ทั้ง สถานที่จัดสร้าง การหาสถานที่ มีตัวอย่างจากการสร้างอาคารรัฐสภาที่พบว่าต้องใช้เวลาหาสถานที่ก่อสร้างนานหลายรัฐบาล นอกจากนั้นแล้วใครจะเป็นผู้ลงทุน การลงทุนจะใช้นานแค่ไหน จะใช้รูปแบบสัมปทาน 20 ปี ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะสัมพันกับการให้เช่า 99 ปีหรือไม่ นอกจากนั้นประชาชนจะได้อะไรจากโครงการดังกล่าว แม้จะได้สถานที่ท่องเที่ยว ได้เล่นการพนันถูกกฎหมาย แต่อาจจะทำให้ประชาชนเสียโอกาส และเกิดปัญหาสังคม

นายขวัญชัย อภิปรายด้วยว่าตนมีข้อสังเกตในการทำโครงการดังกล่าวว่า เป็นโครงการใช้เวลานาน ไม่สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน เพราะสิ่งที่เร่งด่วนตอนนี้คือการแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย วาตภัยมากกว่า

“มีผลศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันออก ที่สร้างแต่เปิดไม่ได้ กลายเป็นเมืองร้าง หรืออย่างประเทศทางใต้ของประเทศเรา มีโครงการสร้างจนเสร็จและเปิดแล้ว แต่ไม่ผู้เช่าพื้นที่เพราะเศรษฐกิจมีปัญหาเรื่องเร่งด่วนสำหรับโครงการนี้ไม่น่าใช่ ดังนั้นขอให้รัฐบาลปรับรูปแบบใหม่ ให้สอดคล้องกับสภาพสังคม ลดความขัดแย้ง หรือทำให้เกิดความขัดแย้งน้อยที่สุด เพิ่มกลยุทธในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดกรพัฒนาอย่างเป็นธรรมชาติ” นายขวัญชัย อภิปราย

ขณะที่ นายพิสิษฐ์  อภิวัฒนาพงศ์ สว. อภิปรายว่า ขอเรียกนโยบายรัฐบาลฉบับนี้ว่านโยบายคุณพ่อคิด คุณลูกทำ” ขอตั้งข้อสังเกตนโยบายเร่งด่วนที่ระบุจะปกป้องผลประโยชน์ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีจากแพลตฟอร์มของต่างชาตินั้น อยากเสนอแนะให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรียกแพลตฟอร์มต่างประเทศมาคุยทำความเข้าใจ เรื่องการจดทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อเก็บภาษีมากกว่าการไปกีดกันแพลตฟอร์มต่างชาติ.