ตั้งพรรคฯ ขวาใหม่ ‘3 บิ๊ก’ ซุ่มปรับโฉมอนุรักษนิยม

ยังไม่ทันที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง จะขยับทำอะไรเต็มไม้เต็มมือ ผลสำรวจความเห็นของนิด้าโพล สะท้อนความเชื่อมั่นของประชาชน ดูจะไม่ค่อยเชื่อมั่นฝีมือการบริหารประเทศ

แถมยังกังวลเรื่องผลงานรัฐบาลไม่เป็นไปตามที่สัญญา และคาดหวัง

ดิจิทัลวอลเล็ต ก็ทำท่าจะได้แค่กลุ่มเปราะบาง และผู้พิการ เฟส 2 ยังต้องลุ้นอีกยาว

ไม่เว้นแม้แต่ความกังวลบทบาท ทักษิณ ชินวัตร ที่ส่งผลกระทบทางลบต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย

รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง จึงแบกความคาดหวังของประชาชน เอาไว้หนักอึ้ง

มีหลายอย่างต้องพิสูจน์ฝีมือ เพื่อลบคำสบประมาท

ไม่เพียงแต่เพื่อไทย ที่ต้องเร่งสร้างผลงานเพื่อทวงบัลลังก์พรรคเบอร์ 1 กลับคืน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ที่นอกจากคะแนนนิยมจะเร่งไม่ค่อยขึ้น บางพรรคเจอภาวะถดถอย

ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนเอง ก็เผชิญความท้าทายในการเติบโต

เมื่อสังเวียนเลือกตั้ง นายกฯ อบจ.หลายจังหวัด พ่ายราบคาบ ลุกลามมาจนถึงเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 พิษณุโลก ก็แพ้เพื่อไทย

กระแสการเมืองใหญ่ ของพรรคก้าวไกล ดูจะส่งไม่ถึงสนามท้องถิ่น ในวันที่เป็นพรรคประชาชน เท่าที่ควร

วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ขุนพลสีส้ม เขี้ยวไม่พอสู้บ้านใหญ่ ยังขาดหลายอย่างที่การเมืองเก่ามี

จังหวะแบบนี้ที่กระแสของหลายพรรคอ่อนแรง ความคิดเรื่องการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ก็เริ่มเป็นที่รับรู้ของนักการเมือง และบรรดาคนในแวดวงกันแล้ว

ว่ากันว่า “3 บิ๊ก” ที่ระดมสมองเตรียมตั้งพรรคใหม่ 

คนหนึ่งเป็นอดีตข้าราชการพลเรือน ระดับปลัด ฉ. 

คนที่สอง เป็นอดีตบิ๊กตำรวจ ป.

และอีกคน เป็นอดีตบิ๊กในกองทัพบก ชื่อย่อ ด. ที่ถูกมองมาตลอดว่า มีบทบาททางการเมืองตัวจริงเสียงจริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

บิ๊กทหารผู้นี้ ถูกขนานนามว่าเป็นพวกขวาสุดขอบไม่แพ้ใคร

ตามที่ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยให้สัมภาษณ์ ว่าจะมีกลุ่มใหญ่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐอีกเพียบ

2 กลุ่มในพลังประชารัฐ ที่ถูกโฟกัส คือ ก๊กเพชรบูรณ์ นำโดย สันติ พร้อมพัฒน์ และก๊วนกำแพงเพชร นำโดย วราเทพ รัตนากร ว่าจะขนลูกทีมไปอยู่พรรคใหม่ที่ว่าในอนาคต

ข้อมูลอีกมุม ที่เริ่มถูกพูดถึงความตั้งใจของ 3 บิ๊ก ที่คิดตั้งพรรคใหม่ วางตำแหน่งในทางการเมือง เป็นฝ่ายอนุรักษนิยม โดยเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่

เล็งแนวทางเรียกคะแนนเสียง ชิงโหวตเตอร์ในกลุ่มคนวัยรุ่น สู้กับพรรคประชาชน ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน

ถึงแม้พรรคใหม่ ที่กำลังมีคนปลุกปั้น จะได้แรงหนุนจากสปอนเซอร์เจ้าใหญ่ ที่เป็นพาร์ตเนอร์สำคัญของพรรคแกนหลักรัฐบาล ก็ตาม

ตรงนี้นับเป็นความท้าทายทางการเมือง สำหรับคนที่เป็นตัวตั้งตัวตี

เพราะคนรุ่นใหม่ กับความเป็นอนุรักษนิยม ดูจะสวนทางกันไม่น้อย กับการเมืองพ.ศ.นี้

ระยะเวลาที่ผ่านมา เครือข่ายอนุรักษนิยม พยายามคิด และปรับตัวตามสถานการณ์ตลอดเวลา

ปรับโฉมให้เข้ากับยุคสมัย โดยเน้นน้ำหนักไปที่อนาคตของชาติมากขึ้น

นั่นอาจเป็นเพราะมีคำตอบในใจ ว่าบริบท และพรรคการเมืองที่มีอยู่ ไปต่อไม่ง่ายอีกแล้ว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์