‘สุริยะ’ แม่บ้านยุค ‘ทักษิณ’ ขุมพลัง ‘เพื่อไทย’ ยุค ‘ลูกอิ๊งค์’

‘สุริยะ’ แม่บ้านยุค ‘ทักษิณ’  ขุมพลัง ‘เพื่อไทย’ ยุค ‘ลูกอิ๊งค์’

หลังจากนี้น่าจับตาบทบาทของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” จากแม่บ้านยุค “นายกฯ ทักษิณ” จะคัมแบ็คแม่ทัพฉากหลังยุค “นายกฯ อิ๊งค์” เป็นขุมพลังคอยซัพพอร์ตทุกภารกิจของ “พรรคเพื่อไทย” เมื่อจังหวะเหมาะมาถึง

KEY

POINTS

  • ชื่อ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" กลับมามีบทบาททางการเมืองสูงลิบ ในยุค "ทักษิณ ชินวัตร" กลับมาเป็นศูนย์รวมอำนาจทางการเมือง
  • จาก "แม่บ้านพรรค" ยุคพ่อ มาสู่ผู้กำกับหลังฉากยุค "ลูกอิ๊งค์" บารมีของ "เดอะซัน" เบ่งบานแบบไม่ต้องพรีเซ้นต์ตัวเอง
  • ในวันที่ "เพื่อไทย" กระแสตกลงจากเดิม จำเป็นต้องปรับสูตรการเมืองมาใช้ "สูตรบ้านใหญ่" ต้องจับตาทุกย่างก้าวของ "สุริยะ" เพราะเขาคือคีย์แมนคนสำคัญ

เวลานี้ชื่อของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.คมนาคม ถูกพูดถึงในวงสนทนาของ “คนการเมือง” มากที่สุดคนหนึ่ง แม้ฉากหน้า ท่วงทำนองทางการเมืองจะไม่หวือหวา ไม่ได้อวยบารมีให้ใครเห็น แต่ฉากหลังเจ้าของสมญานาม “เดอะซัน” เป็นที่นับถือของ “สส.ค่ายสีแดง”

ชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 1 จ.พิษณุโลก แม้บรรดาแม่ทัพด่านหน้า อาทิ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จะได้เครดิต แต่นักการเมืองรู้กันดีว่า “เดอะซัน” คือคนทำแต้มให้กับ “พรรคเพื่อไทย” คว่ำคู่แข่งจาก “พรรคหลานชาย”

การกลับมาเป็นศูนย์รวมอำนาจทางการเมืองของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เลือกใช้บริการของ “สุริยะ” ในการขับเคลื่อนกลเกม การสั่งสมกองกำลัง “สส.” รวมถึงวางแผนบริหารจัดการทางการเมืองในอนาคต

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 “สุริยะ” เข้าร่วมสังกัดพรรคไทยรักไทย โดยได้รับความไว้วางใจจาก “ทักษิณ” ให้นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรค และดำรงตำแหน่งสำคัญมาโดยตลอด

มาในปี 2567 ยุคของ “ลูกอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นั่งเก้าอี้นายกฯ แม้เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ชื่อ “สุริยะ” แต่บทบาทบนดิน-ใต้ดิน เขาเป็นยิ่งกว่าแม่บ้านพรรค

ล่าสุด “วัฒนา ช่างเหลา” อดีตผู้สมัคร สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยไปก่อนหน้านี้ และสมัครเป็นสมาชิก “เพื่อไทย” แม้ "สุริยะ" จะปฏิเสธว่า "เพื่อไทย" ไม่ได้ส่ง "วัฒนา" ลงชิงเก้าอี้ นายก อบจ. ขอนแก่น แต่ "บิ๊กเมืองขอนแก่น" รู้กันดีว่าใครเป็นมือประสานอยู่เบื้องหลัง

ว่ากันว่าการย้ายค่ายของ “วัฒนา” อาจจะมาพร้อมโปรขายพ่วง โดยเฉพาะ “เอกราช ช่างเหลา” สส.พรรคภูมิใจไทย แต่ต้องรอให้ถึงฤกษ์งามยามดีเสียก่อน

ทว่าการดึง “บ้านใหญ่ช่างเหลา” เข้าพรรคเพื่อไทย อาจจะสร้างรอยร้าวให้ตระกูลใหญ่ใน จ.ขอนแก่น อาทิ  ตระกูลพงษ์พานิช  ตระกูลอรรณนพพร ตระกูลเตาะเจริญสุข ที่ไม่เคยจากพรรคเพื่อไทยไปไหน

แน่นอนว่าการรวบรวม “บ้านใหญ่” ที่มีศักยภาพ โดยไม่ต้องอิงกับกระแสพรรค ทำให้ “ค่ายสีแดง” กลับมาแข็งแกร่งในเชิงพื้นที่ แต่ต้องบริหารจัดการอารมณ์คนในพรรคให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจจะสูญเสียกำลังพลได้เช่นกัน

จังหวะก้าวทางการเมืองของ “สุริยะ” น่าจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากผลการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า หากจะสู้กับ “กระแสสีส้ม” ต้องเผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัว หากมีพรรคพันธมิตรลงสนามแข่งด้วย โอกาสที่คะแนนจะโดนแบ่ง จนเข้าทาง “พรรคสีส้ม” มีสูง

อีกทั้งสไตล์ “นายใหญ่” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า มักจะวางกลศึกรวบรวม “ขุนพล” จากทั่วทุกสารทิศ ให้ไหลมารวมกันในพรรคเดียว แต่เวลานี้ในสมรภูมิอีสาน-สมรภูมิบ้านใหญ่ มี “ค่ายสีน้ำเงิน” คอยขวางคออยู่

ดังนั้นการส่งเทียบเชิญไปยัง “บ้านใหญ่ช่างเหลา” ให้กลับมาอยู่ “ค่ายสีแดง” จึงเป็นการนับหนึ่ง การดึง “บิ๊กเนมการเมือง” กลับบ้าน และนับหนึ่งปฏิบัติการสลาย “บ้านใหญ่สีน้ำเงิน”

ที่สำคัญวงในเล่ากันว่า การดูแล “สส.” ของ “ค่ายสีน้ำเงิน” ไม่ดีเหมือนเก่า เพราะไม่ได้ดูแลกระทรวงขุมทรัพย์ การจัดสรรทรัพยากรทางการเมืองจึงไม่อู้ฟู่เหมือนเดิม

อีกทั้งการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี “บ้านใหญ่บุรีรัมย์” ไม่ได้ใช้สูตรกระจายเก้าอี้ให้ “แกนนำระดับพื้นที่” แต่กระจุกเก้าอี้เอาไว้ให้สายตรง “เจ้าของพรรค” อีกออปชั่นเป็นโควตาของ “นายทุนพรรค” ทำให้ “แกนนำสส.” เริ่มออกอาการไม่พอใจ “ครูใหญ่”

ความเคลื่อนไหวของ “สส.ค่ายน้ำเงิน” จึงออกอาการปันใจให้ “บิ๊กเนมค่ายสีแดง” โดยโฟกัสมาผนึกกำลังกับ “2 ส.” เพื่อต่อยอดทางการเมือง แม้ใจหนึ่งจะเกรงบารมี “ครูใหญ่” ที่จะเป็นคนคอนโทรล “องค์กรอิสระ” แต่เรื่องทรัพยากรเรื่องใหญ่ อาจยอมเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้า

หลังจากนี้ น่าจับตาบทบาทของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” จากแม่บ้านยุค “นายกฯ ทักษิณ” จะคัมแบ็คแม่ทัพฉากหลังยุค “นายกฯ อิ๊งค์” เป็นขุมพลังคอยซัพพอร์ตทุกภารกิจของ “พรรคเพื่อไทย” เมื่อจังหวะเหมาะมาถึง