เปลือยพฤติการณ์! ศาลรับฟ้องคดีโรลส์-รอยซ์การบินไทย ‘ทนง’ จำเลย นัดอีก 7 ต.ค.67
เปิดคำฟ้องโจทก์เปลือยพฤติการณ์หมดเปลือก! ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ประทับรับฟ้องคดีสินบนข้ามชาติ ‘โรลส์-รอยซ์’ ของ ‘การบินไทย’ มี ‘ทนง-กวีพันธ์’ จำเลย นัดสอบคำให้การ 7 ต.ค.67
เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2567 ที่ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ศาลพิจารณาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 152/2567 ที่มีคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทนง พิทยะ อดีตประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษาอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัท เป็นจำเลยที่ 1 และ นายกวีพันธ์ เรืองผกา อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงิน และการบัญชี ฝ่ายบริหารงานนโยบายบริษัท และอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัท เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีความผิดเกี่ยวกับสินบนข้ามชาติ “โรลส์-รอยซ์” หลังจากถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปก่อนหน้านี้ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ นายทนง เดินทางมาศาล แต่ไม่อนุญาตให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด และภายหลังฟังการพิจารณาของศาลเสร็จได้เดินทางกลับทันที
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า บริษัท ก. (การบินไทย) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2502 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2503 ต่อมาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2537 ณ ปี พ.ศ.2546 มีกระทรวง ก. ถือหุ้นร้อยละ 54.21 บริษัท ก. จึงเป็น รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง ค. ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502
ขณะเกิดเหตุคดีนี้ จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท ก. เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2544 และได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการบริษัท ก. เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2545 มีอำนาจหน้าที่ ควบคุม กำกับ ดูแล การดำเนินกิจการของบริษัท ก. โดยต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับของบริษัทตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามข้อบังคับของบริษัท ก. ขณะเกิดเหตุคดีนี้
ส่วนจำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงินและการบัญชี บริษัท ก. มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย ควบคุม ดูแล อำนวยการ รับผิดชอบในการบริหารงานและปฏิบัติการทั้งปวงเกี่ยวกับฝ่ายเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี ทั้งด้านการพัฒนาการวางระบบงาน การบริหารความเสี่ยงการบัญชี โดยรายงาน ตรงต่อกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ตามระเบียบบริษัท ก. ว่าด้วยการบริหารกิจการทั่วไป พ.ศ.2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ดังนั้น จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จึงเป็นพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และมีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
ระหว่างเดือนมีนาคม พ.ศ.2547 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2549 เวลากลางวันและกลางคืน ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่ง และมีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำ พิจารณา เห็นชอบ และอนุมัติแผนวิสาหกิจปี 2548/49 - 2552/53 ของบริษัท ก. ได้รวมถึงการพิจารณาโครงการจัดหา เครื่องบินโบอิง B777-200 ER จำนวน 6 ลำ และเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT 892 สำหรับเครื่องบินดังกล่าว รวมทั้งเครื่องยนต์สำรอง/อะไหล่ โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT 892 สำหรับ โบอิง B777-200 ER และTRENT 500 สำหรับเครื่องบินแอร์บัส A340-500/600 ตามแผนวิสาหกิจดังกล่าว อันเป็นการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ได้ร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ใช้อำนาจในตำแหน่งของตนโดยทุจริต ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริต
โดยจำเลยที่ 1 ใช้อำนาจในตำแหน่งที่ตนเป็นประธานกรรมการบริษัท เข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง ครอบงำ การปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายจัดการหรือฝ่ายบริหารอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัท ในการพิจารณาการเพิ่ม ลดจำนวนเครื่องบิน การจัดหาเครื่องยนต์ และอะไหล่เครื่องบิน ตลอดจนการจัดหาเครื่องบินและเครื่องยนต์ โดยมุ่งหมายให้มีการพิจารณาเปรียบเทียบเฉพาะเครื่องบินพิสัยไกลขนาดกลาง (LM) เพียง A340-600 กับ B777-200ER ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) ทั้งที่ บริษัท ก. เคยประสบปัญหาค่าซ่อมเครื่องยนต์ของโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และเครื่องยนต์ TRENT มีแหล่งซ่อมน้อยมาก และ บริษัท ร. (โรลส์-รอยซ์) เข้าไปร่วมทุนทั้งสิ้น โดยไม่มีนโยบายให้ Shop แต่ละแหล่งแข่งขันกัน
และจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ร่วมกันกระทำการโดยแบ่งหน้าที่กันทำตามอำนาจหน้าที่ของตนเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงการสั่งซื้อเครื่องบิน B777-200ER จากบริษัท บ. จากเติมน้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) 580,000 ปอนด์ ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-884 เป็นน้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) 650,000 ปอนด์ ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ TRENT-892 และแก้ไขเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์สำรอง/อะไหล่ (Spare Engine) เป็น TRENT-892 ตามที่คณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติให้สั่งซื้อแล้วโดยมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามระเบียบบริษัท ก. ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2546
เนื่องจาก จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่ได้เสนอขออนุมัติแก้ไขการเปลี่ยนแปลงการจัดซื้อเครื่องบิน และเครื่องยนต์ดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริษัท โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการบริษัท ซึ่งเป็นอำนาจโดยตรงในการพิจารณาอนุมัติตามระเบียบอีกครั้ง โดยในการจัดหาเครื่องบิน และรวมถึงการจัดหาเครื่องยนต์ อุปกรณ์ อะไหล่ บริภัณฑ์ ส่วนประกอบอื่นๆ ที่ต้องจัดหาพร้อมกันกับการจัดหาเครื่องบินตามระเบียบบริษัท ก. ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2546 ตามข้อ 8 ได้กำหนดให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท และข้อ 10 วรรคสอง กำหนดให้ในกรณีที่อำนาจในการจัดหาเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริษัท ให้การแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ เป็นอำนาจของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
วันที่ 25 สิงหาคม 2547 ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2547 ซึ่งมีจำเลยที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการบริษัท เข้าร่วมประชุม โดยในการประชุมมีจำเลยที่ 2 รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงิน และการบัญชี (DE) ในฐานะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัท เป็นผู้ชี้แจงข้อมูลในที่ประชุม ในวาระที่ 3.2 ในการขออนุมัติแผนเส้นทางบิน และฝูงบินระยะยาว (2548/49 -2552/53) ซึ่งในการชี้แจงเพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริษัท พิจารณาในวาระที่ 3.2 นั้น ได้มีการนำเสนอการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของเครื่องบินพิสัยไกลขนาดกลาง (LM) เพียงเครื่องบิน B777-200ER และเครื่องบิน A340-600 เท่านั้น
ดังเจตนาของจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ต้นที่ได้มีความเห็นในที่ประชุมคณะอนุกรรมการแผนการลงทุนระยะยาว เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 โดยในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ในครั้งนี้ จำเลยที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการ และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ชี้แจงทราบดีว่า ก่อนการเสนอให้คณะกรรมการบริษัท อนุมัติแผนเส้นทางการบิน และเส้นทางบิน และฝูงบินระยะยาว ปี 2548/2549 - 2552/53 และขออนุมัติให้บริษัท ลงนามในสัญญาเพื่อสั่งซื้อเครื่องบินดังกล่าวในครั้งนี้นั้น ฝ่ายบริหารไม่ได้ดำเนินการจัดหาเครื่องบิน ตลอดจนเครื่องยนต์ที่จะใช้ติดตั้งกับเครื่องบินดังกล่าว และเสนอต่อที่ประชุมฝ่ายบริหารงานนโยบายบริษัท (EMM) ที่มีจำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายบริหาร และคณะกรรมการกำกับกลยุทธ์ของบริษัท ที่มีจำเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการ เพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อนเสนอคณะกรรมการบริษัท พิจารณาอนุมัติ ตามระเบียบบริษัท ก. ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2546 แต่อย่างใด
ประกอบกับไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเครื่องยนต์สำหรับติดตั้งบนเครื่องบิน (Engines on Wine) เพื่อทำการพิจารณาเปรียบเทียบข้อเสนอขายของบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ ได้แก่ การลงทุน (Investrment) การสนับสนุนทางด้านการเงิน (Financial Support) และการสนับสนุนด้านอื่นๆ (Other Support) ซึ่งถือเป็นขั้นตอนจำเป็นที่ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องในอดีต เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัท ก. แต่อย่างใด
และจำเลยที่ 1 ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างดีว่า เครื่องบิน B777-200ER จะต้องเพิ่มน้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด (MTOW) จาก 580,0000 ปอนด์ เป็น 650,000 ปอนด์ และต้องยกระดับ (Upgrade) เครื่องยนต์จาก TRENT-884 เป็น TRENT-892 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเครื่องบิน B777-2000ER จำนวน 6 ลำ ที่จะจัดหาจากบริษัท บ. และเครื่องยนต์ TRENT-800 ที่จะจัดหาจากบริษัท ร. ปรับเพิ่มสูงขึ้น
แต่ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ในครั้งนี้ (วันที่ 25 สิงหาคม 2547) จำเลยที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการ และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ชี้แจง กลับได้ร่วมกันอาศัยโอกาสที่ตนมีอำนาจในตำแหน่ง และมีหน้าที่ในที่ประชุมดังกล่าว จนทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท โดยจำเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาเส้นทางบิน และฝูงบินระยะยาวปี 2548/2549 - 2552/53 แผนการเงินและแผนการลงทุน โดยเห็นชอบให้บริษัท ก. ดำเนินการจัดหาเครื่องบินจำนวน 14 ลำ ได้แก่ เครื่องบิน A380 จำนวน 6 ลำ เครื่องบิน A340-500 จำนวน 1 ลำ เครื่องบิน Am40-600 จำนวน 1 ลำ และเครื่องบิน B777-200ER จำนวน 6 ลำ และอนุมัติให้ลงนามในสัญญา Letter of Intent (L.O.) เพื่อสั่งซื้อเครื่องบิน B777-200ER จำนวน 6 ลำ กับบริษัทโบอิง (Boeing) พร้อม ทั้งชำระเงินมัดจำเครื่องบิน และอนุมัติให้ลงนามในสัญญา (MOU) เพื่อสั่งซื้อเครื่องบิน A380 A380-500/500 รวมจำนวน 8 ลำ กับบริษัทแอร์บัส (Arbus) โดยมีเงื่อนไขให้มีผลบังคับใช้เมื่อบริษัท ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว
ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2547 คณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งที่ 43/25547 ได้อนุมัติในหลักการให้บริษัท ก. (บกท.) ดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินตามแผนวิสาหกิจปี 25548/49 - 2552/53 เพื่อจัดหาเครื่องบิน จำนวน 14 ลำ วงเงินลงทุน 96,355 ล้านบาท และต่อมาในวันที่ 21 ธันวาคม 2547 คณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งที่ 51/25447 ได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวง ค. ดำเนินการลงนามในสัญญาซื้อขายเครื่องบินกับบริษัทผู้ขายเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา ตามกำหนดเวลาลงนามในสัญญา (วันที่ 23 ธันวาคม 2547)
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 25447 บริษัท ก. ก็ได้มีการลงนามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม แนบท้ายสัญญาจัดหาเครื่องบิน หมายเลข 1721 (SA-8) กับบริษัท บ. เพื่อสั่งซื้อเครื่องบิน B777-200ER จำนวน 6 ลำ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 25548 ได้ลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 20 กับบริษัท อ. เพื่อตกลงซื้อเครื่องบินแอร์บัส แบบ A340-500 จำนวน 1 ลำ และแบบ A340-600 จำนวน 1 ลำ และเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548 ได้ลงนามในสัญญาข้อกำหนดทั่วไปซื้อขายเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-500 สำหรับเครื่องบิน A340-500/600 กับบริษัท ร. และเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 25549 ก็ได้ลงนามสัญญา ข้อกำหนดทั่วไปซื้อขายเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-892 สำหรับเครื่องบิน B777-200ER กับบริษัท ร.
การกระทำของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งมีหน้าที่ทำจัดการเกี่ยวกับจัดหาเครื่องบินโบอิง B777-200 ER จำนวน 6 ลำ และเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-892 สําหรับเครื่องบินดังกล่าว รวมทั้งเครื่องยนต์สำรอง/อะไหล่ โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-892 สำหรับโบอิง รวมทั้ง เครื่องยนต์สำรอง/อะไหล่ โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) TRENT-500 สำหรับเครื่องบินแอร์บัส A340 500/600 รวม 7 เครื่อง จึงเป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำตามหน้าที่ของตนโดยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือโดยทุจริต โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายในการใช้จ่ายเงินงบประมาณในการสั่งซื้อเครื่องบิน และเครื่องยนต์จากบริษัท บ. และบริษัท ร. และแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับบริษัท บ.
เพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการทำสัญญาขายเครื่องบิน B777-200ER จำนวน 6 ลำ และบริษัท ร. ได้รับประโยชน์ในการทำสัญญาขายเครื่องยนต์ (Engines on Wing) TRENT-892 สำหรับติดตั้งบนเครื่องบินดังกล่าว รวมทั้งเครื่องยนต์สำรอง/อะไหล่ (Spare Engine) TRENT-892 จำนวน 2 เครื่อง สำหรับเครื่องบิน B777-2000ER ให้แก่บริษัท ก. เป็นเหตุให้ราคาเครื่องบิน และเครื่องยนต์ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,865,140,094,40 บาท อันเป็นการเสียหายแก่ระบบพัสดุ และการบริหารงานของบริษัท ก.
จึงเป็นความผิดฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ. 2502 มาตรา 8 เหตุเกิดแขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลางรับคดีไว้พิจารณา เป็นคดีอาญา หมายเลขดำที่ อท 152/2567 ให้จำเลยทั้งสองแต่งทนายความ และให้นัดสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เวลา 09.30 นาฬิกา
ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสอง และมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองออกนอก ราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์