'ภูมิธรรม' ปัดมีความพยายาม ตัดตอนคดีตากใบ ย้ำเป็นคดีไม่ง่าย

'ภูมิธรรม' ปัดมีความพยายาม ตัดตอนคดีตากใบ ย้ำเป็นคดีไม่ง่าย

“รังสิมันต์” จี้ถามความจริงใจรัฐบาล เร่งคดีตากใบ ปูดมีความพยายามเป่าคดี ไม่ให้สืบพยาน หวั่นกระทบ “คนใหญ่” ด้าน “ภูมิธรรม” ถามหาหลักฐาน พร้อมย้ำการตามตัวผู้ต้องหาไม่ง่าย ป้อง “ผู้บังคับบัญชา” ไม่ได้ตั้งใจ

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ช่วงกระทู้ถามสด นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ถึงการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งจะหมดอายุความ วันที่ 25 ต.ค. หรืออีก 22 วัน ทั้งนี้คดีดังกล่าวประชาชนที่สูญเสียเป็นผู้ฟ้องร้องคดีดังกล่าว เป็นผลงานของประชาชนไม่ใช่เป็นผลงานของรัฐบาลใด ดังนั้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบันจะมีความชัดเจนต่อกรณีดังกล่าวอย่างไร

โดยนายภูมิธรรม ชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเสียใจ และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เหตุการณ์ตากใบเกิดเมื่อปี 2547 หรือ 20 ปีที่แล้ว โดยรายงานจากการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาหลายมิติ ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือการรำเรียงคนแล้วเกิดปัญหา แต่ไม่ใช่นำคนขึ้นไปจำนวนมากเพื่อให้เกิดเหตุ โดยระหว่างเหตุการณ์นั้นเป็นความสับสน อลม่าน ไม่ใช่เจตนาฆ่า หรือ ทำให้สิ่งดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลต้องพิจารณาแก้ปัญหาต่อไป อย่างไรก็ดีในความสูญเสียดังกล่าวได้เยียวยาให้กับญาติแล้วในสมัยรัฐบา ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ

“เป็นเรื่องที่เราเสียใจ ไม่ใช่เกิดจากตั้งใจ แต่เป็นเรื่องที่สับสนอลม่าน ส่วนการจัดการเรื่องนี้ ผู้ถูกกล่าวหายยังหาตัวไม่ได้ ตำรวจต้องดูรายละเอียด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ต้องเข้าสู่กระบวนการต่อสู้ ซึ่งกระบวนการยุติธรรมต้องทำให้บรรลุผลให้เร็วที่สุด โดยผมกำชับให้ตำรวจได้ดำเนินการ” นายภูมิธรรม ชี้แจง

นายภูมิธรรม ชี้แจงด้วยว่าจากกรณีตากใบ ได้นำมาปรับใช้เป็นวิธีปฏิบัติกับประชาชนในพื้นที่  4 จังหวัดภาคใต้ คือ ปรับวิธีคิด ทั้งนี้มีผู้ไม่ปรารถนาดี นำประเด็นดังกล่าวพูดจนเกินเลยเป็นจริง  ซึ่งตนขอร้องให้มาช่วยกันแก้ปัญหามากกว่านำไปพูดเพื่อโจมตีรัฐบาลหรือสร้างความแตกแยก จนเกินเลยและทำให้ประชาชนไม่เข้าใจจนกลายเป็นความแตกแยก ทั้งนี้รัฐบาลปรับวิธีการนำไปสู่ความสันติสุข แต่ข้อสรุปยังไม่ยุติ เพราะปัญหาที่เกิดมีปัญหาหลายมิติที่เกิดขึ้น

“หากจะแก้ปัญหาเรื่องคดี เดินไปถึงจุด เพิ่งมารื้อฟื้นและเพิ่มคดี ซึ่งช่วงนั้นที่ดำเนินการ ไม่มีใครฟ้องร้อง จึงคิดว่ายุติแล้ว ทุกวันนี้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ พยายามลดความรุนแรง ให้ทุกส่วนราชการ กอ.รมน. ศ.อบต. หน่วยราชการยอมรับความแตกต่างหาทางออกและทำงานร่วมกัน รวมถึงลดเรื่องการใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ที่สงบเรียบร้อย ดังนั้นอยากให้การพูดเรื่องดังกล่าวเป็นไปความสร้างสรรค์มากกว่าโจมตีกัน” นายภูมิธรรมชี้แจง

ทั้งนี้นายรังสิมันต์ ได้จี้ถามต่อประเด็น กระบวนการของตำรวจเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาใหม่ เหลือเวลาอีก 22 วัน ทั้งนี้ตำรวจอยู่ในการดูแลของรองนายกฯ ทั้งนี้พบว่ามีความมพยายามเป่าคดี และช่วยเหลือกัน รองนายกฯ จะดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ดีตามรายงานของคณะกรรมการอิสระฯ ระบุว่าผู้เสียชีวิตนั้นเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ และปัจจุบันพบว่ามีสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ที่ถูกดำเนินคดี

“วันนี้ประชาชนเริ่มคิดว่า ท่านและพรรคการเมืองต้องการเรื่องจบแบบขาดอายุความ เพราะหากเรื่องขาดอายุความจะไม่มีการสืบพยาน มีคำให้การ ซึ่งกรณีการสืบพยานและหากมีคำให้การที่จะชี้ไปที่คนที่ใหญ่กว่านั้นหรือไม่” นายรังสิมันต์ ตั้งคำถาม

นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า กระบวนการดังกล่าวไม่เกี่ยวกับตำรวจอย่างเดียว แม้รายงานการตรวจสอบ ผู้บังคับบัญชาไม่ได้ตั้งใจ จึงต้องทำตามกฎหมาย จะใช้อารมณ์จัดการไม่ได้ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ชี้ ต้องให้ศาลชี้ ทั้งนี้ได้เร่งกระบวนการให้เป็นไปตามกฎหมาย ตนขอให้ใจเย็นและให้กระบวนการยุติธรรมไปถึงที่สุด อย่าด่วนเอาตัวเองตัดสิน

“คำถามของท่าน คือ ต้องการดิสเครดิตพรรครัฐบาล ผู้ใหญ่ เรื่องนี้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ที่เกี่ยวกับทุกฝ่าย ตำรวจ อัยการ และศาล ส่วนรัฐบาลได้เร่งรัดตามจับตัวมาให้ได้ แต่ไม่ง่าย หากมีหลักฐานว่าตำรวจดึงไม่ทำ ขอให้ส่งเรื่อง แต่อย่าคิดเองว่าใครจะเป็นอย่างไร หรือกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผล ทั้งนี้หากอยากคุยกับผมสามารถคุยกับตนข้างหลังได้ เพราะมีรายละเอียดจำนวนมาก” นายภูมิธรรม ชี้แจง.