‘เมฆินทร์’ จี้ ‘นายกฯ – รัฐบาล’ ถอดบทเรียนเหตุการณ์อุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษา

นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด  กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุที่รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เกิดเหตุเพลิงไหม้  จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก  เมื่อช่วงกลางวันของวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างก็ได้มีการดำเนินการเยียวยาแก้ไข พร้อมทั้งในส่วนของคดีก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามขั้นตอนแล้ว  ซึ่งในส่วนของตนเองในฐานะของนักการเมืองนั้น ตนก็ต้องเรียกร้องให้รัฐบาลที่มี น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล นำกรณีจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน เพราะต้องยอมรับว่า หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีปัญหาและคำถามจากพ่อแม่ผู้ปกครองว่า ความปลอดภัยในชีวิตของลูกหลานเขา จะยังสามารถฝากให้ใครดูแลได้หรือไม่ เพราะอย่างที่ทราบกันว่า พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องมีบทบาทในการหาเลี้ยงครอบครัวพร้อมกับสั่งสอนบุตรหลานให้เป็นพลเมืองดีของสังคม แต่ทั้งนี้ เนื่องจากในความเป็นจริงพ่อแม่ผู้ปกครองไม่สามารถจะสอนวิชาต่างๆ หรือสอดส่องดูแลเด็กๆ ได้ตลอด จึงจำเป็นจะต้องส่งลูกหลานให้คุณครูที่โรงเรียนดูแล โดยเชื่อว่า โรงเรียนจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับบุตรหลานของเขา ซึ่งจากเหตุสลดใจในระยะหลังๆ ผู้ที่รับเคราะห์มักจะเป็นเด็กและเยาวชนมากขึ้น ทั้งจากอุบัติเหตุและที่เกิดเหตุภายในโรงเรียน ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องยกระดับการป้องกันและควบคุมดูแลไม่ให้เกิดอุบัติเหตุภายในโรงเรียน รวมทั้ง ระวังไม่ให้เกิดเหตุสลดใจจากกิจกรรมที่จะต้องพานักเรียนออกนอกโรงเรียนด้วย 

นายเมฆินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ปัญหาเด็กและเยาวชนที่มีมาแต่เดิม ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษา เด็กที่หลุดจากระบบโรงเรียน ปัญหายาเสพติดและปัญหาการพนัน เป็นต้น ยังคงบั่นทอนศักยภาพของเด็กไทยในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคที่มีการแข่งขันแบบวินาทีต่อวินาที แต่เมื่อมีปัญหาต่างๆ มารุมล้อมเด็กและเยาวชนไทยขณะนี้ ทำให้มีความวิตกกังวลถึงปัญหาในอนาคตที่จะขาดพลเมืองที่มีศักยภาพมารับช่วงต่อในการพัฒนาประเทศไทย เพราะฉะนั้น ตนก็ขอเรียกร้อง น.ส.แพรทองธาร เหมือนกับพ่อแม่ผู้ปกครองคนอื่นๆ ว่า ขอให้ น.ส.แพรทองธาร ใช้หัวใจของความเป็นแม่ ที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาดีต่อลูกๆ มาใช้ในการแก้ไขปัญหาเด็กเยาวชนของชาติขณะนี้ เพราะตนเชื่อว่า พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ต้องหวังให้รัฐบาล ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อลูกหลานของเขาอย่างจริงจัง และไม่อยากให้รัฐบาล ดำเนินนโยบายแบบผิดๆ โดยการนำอบายมุขมาเป็นแหล่งรายได้ โดยแลกกับความล่มสลายและความสูญเสียอันประเมินค่าไม่ได้ของครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ 

ดังนั้น ตนเชื่อว่า หากนายกฯ และคณะรัฐมนตรี มีความปรารถนาดีและตั้งใจให้ลูกหลานของตัวเองเป็นคนดีในสังคมอย่างไร การแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนอีกนับหลายล้านคน ก็ควรจะเป็นแบบนั้นด้วย