'สุดารัตน์' จี้ 'รัฐ' เร่งช่วยเหลือ อพยพผู้ป่วย-คนชรา-เด็ก พื้นที่น้ำท่วม
"สุดารัตน์" ฝ่ากระแสน้ำ ลุยแจกถุงยังชีพ ช่วยชาวเชียงใหม่ ขอหน่วยงานรัฐระดมความช่วยเหลือ อพยพผู้ป่วยติดเตียง-เด็กเล็ก-คนสูงอายุ ติดในบ้าน
ที่จังหวัดเชียงใหม่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย เบสท์ วงศ์ไพโรจน์กุล รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ ทีมไทยสร้างไทยจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดเชียงใหม่ (น้ำท่วมเชียงใหม่)
โดย คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ระดับน้ำในพื้นที่หลายจุดยังน่าเป็นห่วง ซึ่งตนได้ประสานกับภาคเอกชน หน่วยงานรัฐ รวมถึง นายนาคร ศิลาชัย เพื่อนำเจ็ตสกี เข้ามารับ ผู้ที่ยังติดค้างอยู่ภายในบ้านเรือน และเรือท้องแบนปกติไม่สามารถฝ่ากระแสน้ำเข้ามารับได้ ดังนั้นตนขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเร่งระดมเรือ รถยกสูง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก รวมถึงผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ซึ่งที่ติดค้างอยู่ภายในบ้านจำนวนมาก
"ขอให้เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่น้ำท่วมสูงตามที่ประชาชนร้องขอความช่วยเหลือผ่านทางตนและพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับพบว่ายังมีประชาชนรอคอยความช่วยเหลืออยู่และ ไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ จึงยังไม่ถูกอพยพออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่น่าห่วง"คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมทีมไทยสร้างไทย ยังได้เดินลุยน้ำ เข้าไปให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่อยู่ใน พื้นที่ประสบอุทกภัย ซึ่ง ระดับน้ำ ที่ท่วมในย่านเศรษฐกิจ บางจุดท่วมสูงถึงระดับอกของพี่น้องประชาชน โดยทีมไทยสร้างไทยได้มอบอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ประสบภัย บริเวณกาดก้อม ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ด้วย
ที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ คุณหญิงสุดารัตน์ นำทีมไทยสร้างไทย ติดตามสถานการณ์การช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะการแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม โดยหน้าพรรคไทยสร้างไทยย้ำว่า ในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย ชาวบ้านยังคงวิตกกังวลและหวาดกลัวกับมวลน้ำ ซึ่งได้พัดพาความเสียหายมาสู่พื้นที่ รัฐที่รับผิดชอบ จะต้องสื่อสาร สร้างความเข้าใจ ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่นยำที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายให้มากที่สุด
ที่สำคัญที่สุด ขอให้ภาครัฐ ได้เร่งรัดการเยียวยา หลังน้ำลดโดยทันที และการเยียวยาจะต้องเหมาะสมสอดคล้องกับความเสียหายจริงที่เกิดขึ้น จะใช้หลักเกณฑ์เรื่องของเวลาในการท่วมอย่างเดียวไม่ได้ เพราะบางพื้นที่ไม่ได้ท่วมขังยาวนาน แต่ด้วยความแรงของมวลน้ำ ก็ทำให้บ้านเรือนและทรัพย์สิน ของพี่น้องประชาชนเกิดความเสียหายอย่างมาก.