ฝ่ายแค้นเกมร้อน'เขย่ารัฐบาล' ‘ประวิตร-พปชร.’ขยี้น้ำท่วม-เขย่าจริยธรรม
ฝ่ายค้านเกมร้อน'เขย่ารัฐบาล' -‘ประวิตร’ขยี้น้ำท่วม‘2นายกฯชินวัตร’ พปชร.เขย่าจริยธรรม ปริศนา “ทักษิณ-เนวิน” ปชน.ชำแหละเอกภาพรัฐบาล
KEY
POINTS
- “ลุงบ้านป่า” แรงแค้นฝังใจขยี้ซ้ำ2ยุค “นายกหญิงชินวัตร” แห่งพรรคเพื่อไทย จาก “อาปู” สู่ “หนูอิ๊งค์” ล้มเหลวแก้บริหารจัดการน้ำ
- คดีตากใบเดิมพันรัฐบาล พล.อ.พิศาล เกมเอาคืน “จริยธรรมสส.”
- การพบกันของ “2ผู้มากบารมี” จังหวะพรรคประชาชน ขยี้ปมเอกภาพรัฐบาล
จังหวะ “ฝ่ายแค้น” เปิดชุดใหญ่รุกคืบรัฐบาล “นายกฯอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ไล่ช็อตต่อช็อตตั้ง แต่ประมุขบ้านป่ารอยต่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคประชารัฐ ที่เก็บแรงแค้นฝังใจผลักพลังประชารัฐ “สายลุง” เป็นฝ่ายค้าน ออกโรงเปิดหน้าเล่นแถมขิงใส่แบบดุเดืด รัฐบาล “ไม่เป็นมืออาชีพ” ในการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำ
“ประมุขบ้านป่าฯ” ไล่ย้อนไปถึงสมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการวางแนวทางการบริหารจัดการไว้เป็นอย่างดีโดยในปี 2565 ปริมาณน้ำมีมากกว่า ปี 2554 (ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ที่มีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพมหานคร แต่ก็สามารถจัดการได้ตามแผน จนไม่เกิดน้ำท่วมใหญ่
“แต่ในปัจจุบันการเผชิญปัญหาของรัฐบาลยังไม่เป็นมืออาชีพ ถ้ารัฐบาลอยากรู้ว่าเขาทำอย่างไร ก็ควรไปศึกษาผลงานที่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้เคยวางรากฐานเอาไว้ และจะเห็นข้อแตกต่างของการบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบ ทั้งนี้ ตนพร้อมเสนอแนะและทำงานในฐานะฝ่ายค้านให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเต็มที่” เวิร์ดดิ้งที่พล.อ.ประวิตร สื่อสารกลางวงสส.
รวมไปถึงการแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง ควรมีการวางระบบการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเรื่องนี้ พรรคพลังประชารัฐในฐานะเป็นประธานกรรมาธิการบริหารทรัพยากรน้ำจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อวางแนวทางการนำเสนอข้อมูลและการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
วลี “ลุงบ้านป่า” ที่พยายามขยี้ซ้ำ2ยุค “นายกหญิงชินวัตร” แห่งพรรคเพื่อไทย จาก “อาปู” สู่ “หนูอิ๊งค์” ไม่ต้องตีความให้ยุ่งยาก ชัดเจนว่าเป็นเกมเอาคืนจากฝั่งบ้านป่าที่เก็บแรงแค้นฝังใจ หลังถูกผลักเป็นฝ่ายค้านแถมถูกดูดสส.ไปเป็นจำนวนมาก
ไม่ต่างจากเกมเอาคืนของบรรดาพลพรรคพลังประชารัฐ “สายลุง” เวลานี้อยู่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน เขย่าหนักประเด็นไฟใต้ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตั้งแต่ยุค “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพ่อ
โดยเฉพาะกรณีสลายผู้ชุมนุมปิดล้อม สภ.อ.ตากใบ นราธิวาส จนมีผู้เสียชีวิต 78 คน ซึ่งคดีกำลังนับถอยหลังหมดอายุความ 25ต.ค.นี้
ขณะที่ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาค 4 เวลานี้เป็นสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย 1ใน9จำเลย ที่ถูกศาลออกหมายจับเวลานี้ยังล่องหน แถมช่วงที่ผ่านมาเจ้าตัวแทบจะไม่เคยปรากฎตัวให้ใครเห็นที่สภา
ฝั่ง “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ส่งเสียงทวงถามไปถึงพรรคเพื่อไทย ไม่ควรระบุว่าให้เป็นปัญหาและจบลงที่ พล.อ.พิศาล เป็นผู้รับจบ
แน่นอนว่า เป็นจังหวะให้ฝ่ายค้านหยิบมาเป็นประเด็นขยี้แผลโดยเฉพาะปมจริยธรรม เนื่องจากเวลานี้เจ้าตัวมีสถานะเป็นสส.ซ้ำเข้าทางพลังประชารัฐ เปิดฉากเอาคืนพรรคเพื่อไทยกรณียื่นตรวจสอบ “บิ๊กป้อม” จากเหตุไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯอีกด้วย
แถมล่าสุด “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังชวนจับตา วันที่10ต.ค.ที่จะมีเหตุการณ์ที่นำไปสู่การล่มสลายพรรคแกนนำรัฐบาล
อันที่จริงสารพัดนิติสงครามจากฝั่งบ้านป่าฯ ในช่วงที่ผ่านมาก็มีการปล่อยออกมาเป็นระยะ อาทิกรณีที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ”สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินสายขุด ปริศนาวัน“โอนหุ้น”ของ“นายกฯอิ๊งค์”
แถมล่าสุด มีการไปยื่นตรวจสอบกรณีแต่งตั้งณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีคดีทางการเมือง
ย่อมเป็นการตอกย้ำเกมเอาคืนจากฝั่งบ้านป่าฯ ที่พยายามขยี้ปม“จริยธรรม”เป็นดอกสองต่อจาก “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
เหนือไปกว่านั้นยังมีกรณีการพบกันของ “2ผู้มากบารมี” คือ ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่เพื่อไทย และ เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่บุรีรัมย์ ท่ามกลางการจับตาไปที่การเปิดดีลทางดุลอำนาจ แถมมีการฉายสูตร "นายกฯคนละครึ่ง"
แน่นอนว่าเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เกมฝ่ายค้าน ในการชิงโอกาสสะท้อนภาพการเมืองในซีกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นความเป็นเอกภาพทางการเมือง ที่ปัจจุบันพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้มีบทบาทที่ชี้นำหลายเรื่องทางการเมืองฝั่งรัฐบาลอยู่มาก ทำให้ไม่มั่นใจว่าพรรคการเมืองใดคือแกนนำ
ทั้งหมดทั้งมวลคือสารพัดเกมรุกคืบจากฝ่ายค้านไม่ต่างจาก “ศึกรบเกมเอาคืน” ระหว่าง“ลุงบ้านป่าฯ”และ“นายใหญ่บ้านจันทร์ฯ” ที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง