สงครามครั้งสุดท้าย 'เพื่อไทย-พลังประชารัฐ

สงครามครั้งสุดท้าย 'เพื่อไทย-พลังประชารัฐ

เกมยุบพรรค ปิดฉากการเมือง “ทักษิณ-ประวิตร” ส่องประเด็น 6 ประเด็นคำร้องของ "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" ที่ยื่นต่อศาล ขอให้วินิจฉัย ปม "ทักษิณ-เพื่อไทย" กระทำการล้มล้างการปกครอง โดยซีกรัฐบาลเตรียมพร้อมงัดข้อกฎหมายหักล้าง

KEY

POINTS

  • ฝ่ายกฎหมายหลังฉากรัฐบาลมอง "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร"ที่ยื่นร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ "ทักษิณ" และ "เพื่อไทย" เลิกการกระทำใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองฯ ปลายทางหวังสานฝันให้ "ลุงบ้านป่าฯ"
  • 6 ประเด็นข้อกล่าวหาในคำร้องยื

ประกาศตั้งแต่เข้าสู่เดือนตุลาอาถรรพ์ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ส่งสัญญาณผ่านสื่อมวลชนดีเดย์ 10 ตุลาคม 2567 เป็นวัน “ล่มสลาย” ของ “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย”

เช้าวันที่ 10 ตุลาคม 2567 “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ผู้เคยฝากผลงานยุบพรรคก้าวไกลผ่านศาลรัฐธรรมนูญ เป็นคนเดิมในฐานะผู้ร้องยื่นคำร้องตรงขอ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยสั่งการให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้ถูกร้องที่ 1

และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49

เป็นการยื่นคำร้องหลังจากเคยยื่นร้องต่ออัยการสูงสุด (อสส.) เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 แต่ครบกำหนด 15 วัน แล้วไม่ปรากฏว่าอัยการสูงสุดได้ดำเนินการส่งคำร้องขอของผู้ร้องมายังศาลรัฐธรรมนูญตามที่ร้องขอ

ทำให้ “มือยุบพรรคก้าวไกล” ต้องเดินเกมทางลัด ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสาม ยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ พ่วงด้วยเอกสารคำร้องประกอบด้วยคำร้อง 65 หน้า และเอกสารประกอบอีกจำนวน 443 แผ่น รวมคำร้องและเอกสารประกอบชุดละ 508 แผ่น จำนวน 10 ชุด รวมเอกสารทั้งสิ้น 5,080 แผ่น​

เป้าหมายวาระแฝงของ “ธีรยุทธ” ถูกอ่านเกมจากกุนซือมือกฎหมายในซีกรัฐบาลว่ามีเป้าหมายปลายทางคือ “ล้มนายใหญ่” แห่ง “เพื่อไทย” และเป็นการสร้างบันไดปูทางให้ “ลุงบ้านป่าฯ” มีโอกาสที่จะเข้าสู่เส้นทางชิงเก้าอี้นายกฯ อีกครั้ง หลังผิดหวังจากเกมล้ม “นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน”

สาระสำคัญที่ “ธีรยุทธ” พุ่งเป้าล้ม “เพื่อไทย” และ “ทักษิณ” มี 6 ประเด็น ไล่ตั้งแต่ “ทักษิณ” ใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเอื้อประโยชน์ระหว่างต้องโทษจำคุกอยู่ชั้น14 เพื่อไม่ให้รับโทษ ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อน บ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์

รวมทั้งยังมีประเด็นที่ฝักใฝ่ร่วมคิดกับ สมเด็จฯ ฮุน เซน เอื้อประโยชน์กับสมเด็จฯฮุน เซน ให้ประเทศกัมพูชาละเมิดอธิปไตยทางทะเลของไทย

ประเด็นข้อกล่าวหาที่สำคัญคือ “ทักษิณ” เป็นเจ้าของพรรค เป็นผู้ครอบงำ สั่งการแทนพรรคเพื่อไทยในการเจรจาแกนนำพรรคการเมืองเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ประเด็นเหล่านี้ ถูกมองจากคนในซีกรัฐบาลที่เป็นมือกฎหมายของรัฐบาลเพื่อไทยว่า เป็นคำร้องที่สะเปะสะปะ และ ลุกลี้ลุกลน เร่งรีบจัดทำคำร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งที่กระบวนการเกี่ยวกับ “ทักษิณ” ยังมีการพิจารณาอยู่ในชั้นไต่สวนของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณี ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ควรร้องไปตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และเป็นเรื่องที่ต้องส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณา

สงครามครั้งสุดท้าย \'เพื่อไทย-พลังประชารัฐ

คำร้องของ “ธีรยุทธ” ทำให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลมองว่า คำร้องนี้ไม่เข้าองค์ประกอบที่จะยื่นคำร้องตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ และ มาตรา 28 มาตรา 29 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กรณี “ทักษิณ” ครอบงำพรรคเพื่อไทย ดังนั้น ศาลต้องสั่งไม่รับคำร้อง

ส่วนเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่ก็เป็นการยื่นคำร้องที่ข้ามหน้ากระทรวงการต่างประเทศของไทย หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาก็อาจเป็นการกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้

ประเด็นการตั้งรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่มีการหารือที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” นั้น ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะพิจารณาว่ามีการครอบงำจริงหรือไม่

“คำร้องของนายธีรยุทธเป็นเรื่องกระบวนการทางการบริหารราชการแผ่นดิน และเป็นอำนาจ กกต.ต้องพิจารณาเรื่องครอบงำ การยื่นคำร้องโดยใช้เวาเพียงแค่15 วันก็ยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น จึงไม่อยู่ในกระบวนการ เพราะในเนื้อหาทั้งหมดไม่เข้ามาตรา 49 ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญไม่อาจรับคำร้องไว้วินิจฉัยได้”

การเดินเกมของ “ไพบูลย์” ผ่าน“ธีรยุทธ” ทำให้ถูกฝั่งรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมองว่า เป็นการยื่นคำร้องแก้เกี้ยวหวังสานฝันให้กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น

สงครามครั้งสุดท้าย \'เพื่อไทย-พลังประชารัฐ

“หลอกลวงลุงป้อม ขายฝันลุงป้อม ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยพัง ลุงจะได้เป็นนายกฯ เรื่องนี้ลุงป้อมถูกต้มจนเปื่อย ใน 6 ประเด็น เป็นไปไม่ได้เลยที่ศาลจะรับคำร้อง คือใช้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือทางการเมือง ดังนั้น ควรให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตรวจสอบ” แหล่งข่าวในซีกรัฐบาลระบุ

ทั้งนี้ “พรรคเพื่อไทย”ยังมองว่า ถ้าเป็นการยื่นเรื่องในกระบวนการตามกฎหมายก็ต้องดูที่อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเรื่องชั้น 14 ที่เป็นข้อกล่าวหาตามมาตรา 157 เท่านั้น จึงเป็นคนละกรณีกับที่ “พรรคก้าวไกล” เคยถูกยุบพรรค ในข้อหา “ล้มล้างการปกครอง” จากการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน

สงครามครั้งสุดท้าย \'เพื่อไทย-พลังประชารัฐ

ฉะนั้น การดีเดย์ตามคำประกาศของ หัวหน้านักรบ องครักษ์ลุงบ้านป่าฯ ในวันที่ 10 เดือน 10 จึงไม่ใช่วันล่มสลาย ของ “รัฐบาลเพื่อไทย” แต่อย่างใด

มือกฎหมายในรัฐบาลเพื่อไทยยังมองว่าคำดีเดย์ที่ว่านี้ ไม่สมราคาคุยของ “ไพบูลย์” เพียงแต่เป็นการเร่งผลิตผลงานเพื่อสานฝันให้ “ลุงบ้านป่าฯ” เท่านั้น

แม้“ทักษิณ” จะเป็นทั้งจุดแข็ง และจุดอ่อนของ“เพื่อไทย” ที่ฝ่ายแค้น ฝ่ายค้าน จ้องหาช่องเล่นงาน แต่คดีล่าสุด ที่มีเป้าหมายนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย และเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อาจจะเป็น “นิติสงคราม”ครั้งสุดท้ายระหว่าง "นายพลบ้านป่าฯ" และ"นายใหญ่บ้านจันทร์ฯ" ที่ตัดขาดเส้นทางการเมืองทั้งสองพรรค จนยากจะบรรจบกันได้อีกต่อไป