20+5 ‘กล้าธรรม(นัส)’ ทฤษฎี ‘ฤาษีเลี้ยงลิง’

20+5 ‘กล้าธรรม(นัส)’  ทฤษฎี ‘ฤาษีเลี้ยงลิง’

2 สส.พรรคเล็กข้าสู่ชายคา “พรรคกล้าธรรม” ถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่ไหนแต่ไร ทั้งมวลถูก “รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ” โดย“ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” สส.พะเยา ที่เวลานี้อยู่สังกัดพลังประชารัฐ แค่โดยนิตินัย

KEY

POINTS

  •  2 สส.พรรคเล็กข้าสู่ชายคา “พรรคกล้าธรรม” ถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมาย  แต่ไหนแต่ไร 5เสียงพรรคเล็กทั้งมวลถูก “รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ” โดย“ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” สส.พะเยา ที่เวลานี้อยู่สังกัดพลังประชารัฐ แค่โดยนิตินัย
  • ทฤษฎี“ฤาษีเลี้ยงลิง” ในสารบบการเมือง ถูกพูดถึงหนาหูมาตั้งแต่ในรัฐบาลชุดที่แล้ว
  • จับตา“พรรคกล้าธรรม” ซึ่งมีหัวหน้าพรรคตัวจริงชื่อธรรมนัส ภายใต้สูตร 20+5

ข่าวคราวการย้ายพรรคของ 2 สส.พรรคเล็ก คือ“กฤดิทัช แสงธนโยธิน” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคใหม่ และ“เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังสังคมใหม่ เข้าสู่ชายคา “พรรคกล้าธรรม” ถือว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด

แม้ตัว “กฤดิทัช”  จะอ้างถึงเหตุผลการย้ายพรรคครั้งนี้ เนื่องจากการทำงานในพรรคใหม่ ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่มีบทบาท ไม่มีที่ยืน และทำงานร่วมกันไม่ได้ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว และเมื่อมีหลายพรรคที่รัฐบาลชวนไปอยู่ด้วย จึงได้ตัดสินใจร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม

อย่างที่รู้กันว่า ภายใต้ตัวเลขรัฐบาลพรรคเพื่อไทย 320 + เวลานี้ ในส่วนของพรรคเล็ก 1 เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน  พรรคใหม่ พรรคท้องที่ไทย และพรรคพลังสังคมใหม่ รวม 5 เสียง 

แต่ไหนแต่ไร ทั้งมวลถูก “รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ” โดย“ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” สส.พะเยา ที่เวลานี้อยู่สังกัดพลังประชารัฐ แค่โดยนิตินัย แต่ในทางพฤตินัยถือว่า “20 สส.” พลังประชารัฐสายผู้กอง ได้ขาดจาก “ลุงบ้านป่าฯ” ที่เวลานี้อยู่ในสถานะฝ่ายค้าน เป็นที่่เรียบร้อย

ตอกย้ำจากผลโหวตในสภาฯ ในช่วงที่ผ่านมา ทั้ง 5 เสียงพรรคเล็ก ลงมติไปในทิศทางเดียวกัน ตามสัญญาณผู้นำ

20+5 ‘กล้าธรรม(นัส)’  ทฤษฎี ‘ฤาษีเลี้ยงลิง’

ไม่ต่างจากสังกัดใหม่ของ 2 สส.คือ “พรรคกล้าธรรม” ที่มี “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค เป็นที่รู้กันโดยทั่วว่า เป็นการรีแบรนด์มาจาก “พรรคเศรษฐกิจไทย” ซึ่งมีกลุ่ม “ผู้กองธรรมนัส” เป็นกรรมการบริหารอยู่แต่เดิม มีการเปรียบเปรยว่า เป็นพรรคกล้าธรรม(นัส) เสียด้วยซ้ำ

ฉะนั้นการย้ายพรรคของ 2 สส.พรรคเล็กในครั้งนี้ ซึ่งมีการปล่อยข่าวมาตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเป็นเพียงดำเนินการเพื่อให้กระบวนการทางนิตินัย ครบถ้วนสมบูรณ์เท่านั้น 

ทฤษฎี“ฤาษีเลี้ยงลิง” ในสารบบการเมือง ถูกพูดถึงหนาหูมาตั้งแต่ในรัฐบาลชุดที่แล้ว เวลานั้น “สส.พรรคเล็ก” ถูกแบ่งเป็นสาย “ลุงเบอร์1-ลุงเบอร์2”  เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง สำหรับการกดปุ่มโหวตวาระต่างๆ ในสภาฯ  รวมไปถึงการต่อรอง แลกเปลี่ยนตำแหน่งต่างๆ 

โดยเฉพาะวาระใดที่ “เสียงปริ่มน้ำ ” ต่อให้เป็นเสียงพรรคเล็กก็ถือว่ามีส่วนสำคัญ

ท่ามกลางฝุ่นควันการเมืองที่ตลบภายใต้ข่าวคราวการปรับ ครม.สูตรรวมชาติ เวลานั้น มีข่าวมาตั้งแต่ต้นว่า “นายใหญ่” เพื่อไทยจะเขี่ยลุงบ้านป่าฯ และพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล คงไว้เฉพาะ“พลังประชารัฐสายผู้กอง” 

แถมเวลานั้นมีกระแสข่าวว่า “ลุงบ้านป่าฯ” เตรียมไล่ซื้อส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ รวมถึง งูเห่า หาก พรรคก้าวไกลหากถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค

จนเป็นเหตุให้ “นายใหญ่” พรรคเพื่อไทย และ มีความแนบแน่น กับ “ผู้กองธรรมนัส” เกิดความไม่พอใจ พร้อมความหวาดระแวง ถึงประกาศผ่านสื่อว่า “คนบ้านป่าทำการเมืองวุ่นว่าย”

 

20+5 ‘กล้าธรรม(นัส)’  ทฤษฎี ‘ฤาษีเลี้ยงลิง’

เป็นที่มาของการโยนชื่อ “พรรคกล้าธรรม” เพื่อสร้างอำนาจต่อรองกับ “ลุงบ้านป่าฯ”  แถมยังเป็นปลายทางในการย้ายเข้าสังกัดใหม่ของผู้กองธรรมนัส  แต่ติดเงื่อนไขที่ว่า หากจะย้ายพรรคโดยที่ยังคงสถานะสส.เอาไว้เช่นเดิม จะต้องเกิดขึ้นใน2กรณีคือ มติกรรมการบริหารพรรค “ขับออก” หรือ มีการ “ยุบพรรค” กรณีใดกรณีหนึ่งเท่านั้น 

ฉะนั้น การที่ปรากฎภาพ “ผู้กองธรรมนัส” ไปนั่งที่บริเวณที่นั่ง สส.พรรคกล้าธรรม ร่วมกับ 2 สส.ใหม่ จึงเป็นเสมือนการตอกย้ำว่า แท้ที่จริงแล้ว หัวหน้าพรรคตัวจริงคือใครกันแน่?

เมื่อพลังประชารัฐสายลุงบ้านป่าฯ เลือกที่จะแก้เผ็ดสายผู้กอง ด้วยการไม่ใช้วิธีขับออก 

ก่อนหน้านี้ “ธรรมนัส” จึงให้สัมภาษณ์ว่า กำลังดูข้อกฎหมายว่า จะออกจากพรรคอย่างไร แบบถูกกฎหมาย แต่ยังคงสถานภาพ​เป็นสส.เอาไว้

เป็นเช่นนี้ย่อมต้องจับตา“พรรคกล้าธรรม” ซึ่งมีหัวหน้าพรรคตัวจริงชื่อธรรมนัส ภายใต้สูตร 20+5 ในเชิงดุลอำนาจการเมือง ย่อมมีผลในการสร้างแรงต่อรอง ทั้งการกดปุ่มโหวต รวมถึงการเปิดดีลตำแหน่งต่างๆ ต่อจากนี้อย่างไร