'สิระ' ชี้ตัว 'ชายคลิปเสียง' ตบทรัพย์ 'บอสพอล' เคยตั้งศูนย์ร้องทุกข์รีดเงิน
“สิระ” ชี้ตัว “ไอ้เตี้ย” นักตบทรัพย์” อ้างเคลียร์ ทาง "บอสพอล" ได้ เคยบทบาทในศูนย์ร้องทุกข์แต่กลับรีดเงิน ด้าน “โฆษก พปชร.” บอกหากมีพยานหลักฐานชัดเจน หัวหน้าพรรค ไม่เอาไว้แน่นอน
หลังจากมีกรณีคลิปเสียง สนทนา ระหว่าง "บอสพอล" หรือ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ดิ ไอคอน กรุ๊ป กับ นักการเมืองชาย อักษรย่อ "ส." ซึ่งพบบทสนทนาการเรียกรับผลประโยชน์ แลกกับการเคลียร์การตรวจสอบในกรรมาธิการของสภาฯ
ล่าสุด รายการคมชัดลึก ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย วราวิทย์ ฉิมมณี ได้สัมภาษณ์แบบเจาะลึก กับ "สิระ เจนจาคะ" อดีตสส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ โดยได้แกะรอยจากการทำงานครั้งที่เคยเป็น "ประธานกรรมาธิการการกฎหมาย" สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ลงมือตรวจสอบ "นักการเมืองชาย อักษรย่อ ส." ที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของคลิปเสียงสนทนา
โดย "สิระ" กล่าวย้ำว่า เป็นเสียงที่คุ้นเคย และยอมรับว่าเคยอยู่ร่วมสังกัด "พรรคพลังประชารัฐ" ด้วยกันมาก่อนในช่วงที่พรรคพลังประชารัฐ ยังมีตำแหน่งเป็นแกนนำรัฐบาล รอบที่แล้ว ซึ่ง "สิระ" ใช้คำสรรพนามเรียก "ผู้ชายปริศนา" นั้นว่า "ไอ้เตี้ย"
แฉ ชายในคลิปเสียง ตั้งศูนย์ร้องทุกข์ ตบทรัพย์
“คนๆ นี้เคยได้ตำแหน่งในกระทรวงๆ หนึ่งและไปหาผลประโยชน์ภายในกระทรวงจนโดนให้ออกจากตำแหน่ง ซึ่งผมเป็นคนจัดการเอง ส่วนการหาผลประโยชน์นั้น ผู้ชายหรือไอ้เตี้ยคนนี้จะไปตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแชร์ลูกโซ่ ขายตรง กับผู้โดนโกง เขาจะรู้ว่าเป้าหมายที่จะไปเอาประโยชน์อยู่ตรงไหน จากนั้นจึงไปตบทรัพย์อีก ตอนที่ผมเป็นประธานกรรมาธิการกฎหมายของสภาฯ ช่วงแรกเห็นว่าตั้งศูนย์เพื่อช่วยชาวบ้าน แต่กลับพบว่าผู้เสียหายพึ่งพาไม่ได้ แถมยังถูกเรียกเงิน จึงร้องเรียนผมฐานะประธานกรรมาธิการ ว่าโดนรีดไถเงินอีก” นายสิระ กล่าว
นายสิระ กล่าวต่อว่า ตอนที่สอบเรื่องนี้ ได้โทรศัพท์บอกชายคนดังกล่าวว่าอย่าทำ เพราะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่เดือดร้อน เนื่องจากพบการเรียกค่าใช้จ่ายเป็นค่าดำเนินการ โดยได้โทรศัพท์เตือนถึง 3 ครั้งก่อนที่จะทนไม่ไหว
อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เล่าถึงเบื้องหลังชายในคลิปเสียงเรียกรับทรัพย์ ถึงกรณีเข้าสู่วงการการเมืองและมีตำแหน่งในกระทรวงหนึ่ง ว่า มี "พล.อ." ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เกี่ยวข้อง ที่พูดได้เพราะเห็นมา จากที่ พล.อ.คนนี้ เรียก สส. 10 กว่าคนไปล็อบบี้ ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ เขาบอกว่าให้ ชายเตี้ยนั้นมีตำแหน่งอยู่ในกระทรวงนี้ ให้มีผลประโยชน์ให้รายเดือนกับคนที่จะสนับสนุนให้คนๆนั้นมีตำแหน่ง
"สิระ" ยังเล่าต่อด้วยว่าหลังจากที่โทรศัพท์เตือนถึง 3 ครั้ง ยังเอาไม่อยู่ ได้แจ้งกับผู้ใหญ่ภายในพรรคว่ามีเหตุการณ์ไม่สมควรเกิดขึ้น จนถึงขั้นต้องมีการขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ โดยเป็นจังหวะพอดีกับที่พรรคมีขับใครบางคน บางกลุ่มออกจากสมาชิกพรรค พร้อมยืนยันว่าคนที่เป็นเจ้ากระทรวงนี้ ไม่ยุ่งเกี่ยว และยังให้ความร่วมมือสั่งให้พ้นจากตำแหน่งด้วย
นอกจากพฤติกรรมที่ไม่สมควรในกระทรวงแห่งหนึ่งแล้ว "สิระ" ยังเปิดโฉมหน้า "ชายเตี้ย" ด้วยว่า
ปูดอีก ชายในคลิป ถูกฟ้องค้างจ่ายค่าเช่าบ้าน
"วันก่อนตนได้คุยกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ฐานะทนายที่เจ้าของบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นคฤหาสน์ขอให้ฟ้อง "ชายเตี้ย" เนื่องจากค้างค่าเช่า ซึ่งเขาไปขอเช่าเพื่อสร้างภาพ ว่าเป็นคนรวย รถก็เช่า แต่ไม่จ่ายค่าเช่า ทั้งนี้ชอบยืนข้างลุง อย่างไรก็ดีตนเชื่อว่าน่าจะเคยไปถ่ายภาพกับลุงด้วยเพราะชายคนนี้บอกว่าใกล้ชิดลุง จึงเป็นการสร้างภาพเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ส่วนกรณีที่ระบุว่าสามารถเคลียร์กรรมาธิการได้หรือไม่นั้น อาจเป็นเรื่องที่อุปโลกน์ขึ้นมาเอง"
ส่วนการล็อบบี้กรรมาธิการ ไม่ให้สอบหรือ ปกป้องผู้เป็นประเด็นนั้น "สิระ" ฐานะอดีตประธานกมธ.กฎหมายสภาฯ บอกว่า ไม่เชื่อว่าทำได้ เพราะในกมธ.มีสส. 15 คน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยาก ทั้งนี้ยังฝากไปถึง "วันมูหะมัดนอร์ มะทา" ประธานสภาฯ ต้องตรวจสอบว่ามีกรรมาธิการชุดไหนที่เกี่ยวข้องและมีพฤติกรรมตบทรัพย์หรือไม่ ทั้งนี้คนที่ปรากฎในคลิปเสียงนั้นมักไปแถลงข่าวที่รัฐสภา ทั้งที่ไม่เคยเป็น สส.
เมื่อถามถึงบุคคลดังกล่าวสามารถการแต่งตั้ง เลขาสคบ. ได้ นายสิระ กล่าวว่า “คนๆ นี้ขี้โม้ ที่เขาแอบอ้างได้ เพราะแสดงภาพว่ายืนข้างลุง และไปสภาฯ บ่อย ทั้งนี้ผมไม่เชื่อว่าเขาสามารถตั้งใครได้ เป็นเรื่องขี้โม้ เพราะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไม่ใช่สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ การจะฝากข้ามพรรคเป็นเรื่องยาก ทั้งนี้ผมทราบว่ามีการหักหลังกัน จึงแตกหักกับพล.อ. กันไป”
"จี้ ตำรวจ เร่งจับ-อายัดทรัพย์"
เมื่อถามถึงมุมมองต่อการดำเนินคดีของตำรวจ นายสิระ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวควรเร่งดำเนินการกับผู้ที่เป็นประเด็น คือ ออกหมายเรียก หรือ ออกหมายจับ เพราะมีประชาชนเสียหายจำนวนมาก อีกทั้งต้องล็อคตัวและทรัพย์สิน แต่ขณะนี้ไม่มีอะไรควบคุม ปปง. ไม่ดำเนินการอะไร กับทรัพย์สิน
สิระ ศิษย์ลุงป้อม ฝากบอก ให้เขี่ยๆ ไอ้เตี้ยให้พ้นตัว
นายสิระ ฝากบอกลุงด้วยว่า “ผมยังเอาเหรียญลุงห้อยคออยู่ ขอลุงอย่าเอาคนๆ นี้ไว้ใกล้ตัวอีก หากไม่อยากใช้มือก็ใช้เท้าเขี่ยๆ ไป เพราะคนๆ นี้หากเอาไว้ลุงจะไม่เหลือใครเลยขอให้ลุงพักผ่อน อย่าไปเชื่อไอ้เตี้ยคนนี้ ให้สู้ต่อ เพราะลุงไม่ได้เป็นนายกฯ หากผมเป็นพี่เลี้ยงจะโยนผ้าขาว ขึ้นเวทีหยุดชก ก่อนที่ลุงจะถูกโจมตีไปมากกว่านี้ ซึ่งผมเชื่อว่าลุงไม่รู้ เพราะลุงใจดี”
ทั้งนี้ในรายการ ยังได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ว่า ขณะนี้ไม่สามารถพิสูจน์ทราบว่าเป็นเสียงใคร อย่างไรก็ดีในการประชุมพรรคพลังประชารัฐ วันนี้ (15 ต.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันชัดเจนว่าไม่ว่าเสียงใครที่เกี่ยวกับพรรค ไม่ว่ามีตำแหน่งใด หรือเป็นสมาชิกพรรคหากกระทำผิดกฎหมาย ปรากฎพยานหลักฐานชัดเจนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และดำเนินการเรื่องจริยธรรมตามระเบียบของพรรคด้วยไม่มีละเว้น
“ตอนนี้มีแค่การคาดเดา สันนิษฐานและโยงกับบุคคคลใด แต่ไม่มีการยืนยัน ซี่งบอสพอลไม่ได้ยืนยันเช่นกัน แม้จะบอกว่าเป็นนักการเมืองอักษรย่อ ส. ทั้งนี้หากปรากฎพยานหลักฐานพร้อมดำเนินการ อย่างไรก็ดีในเรื่องนี้พยายามอธิบายต่อสังคมว่าการดักฟัง ผิดกฎหมาย การทำหลักฐานเท็จเสมือนการดักฟังผิดกฎหมาย ซึ่งในพ.ศ.2567 แล้วการเมืองน้ำเน่าควรเลิกสักที หากการเมืองเล่นกันแบบหน้าด้านๆ ไร้จริยธรรม บ้านเมืองไปไม่ได้” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการซ้อนเกมเล่นงานพรรคพลังประชารัฐด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า มีส่วน และที่สำคัญพยายามโยงให้ถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐในปัจจุบัน โดยลืมไปว่าคลิปที่ได้มาเกิดเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งบอสพอลยืนยัน และสมัยนั้นยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้คลิปไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นนักการเมืองคนใด
เมื่อถามว่าบุคคลที่เป็นประเด็น อยู่ในที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า “ไม่อยู่ ปกติไม่ได้อยู่ เป็นแค่ สมาชิกพรรคเท่านั้นเอง ส่วนที่บอกว่ามีพลังในการแต่งตั้งเลขา สคบ. นั้น เรื่องปี2565 ยังเป็นวุ้นอยู่เลย”
ทั้งนี้นายสิระ ที่ร่วมรายการ กล่าวทักทาย พล.ต.ท.ปิยะ และระบุว่า ฟังจากโฆษกพรรค แสดงว่ารู้แล้วหมายถึงใคร ซึ่งพล.ต.ท.ปิยะ กล่าวตอบว่า “ตอนนี้หลายคนพุ่งเป้าเอาเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงใคร แต่เจ้าตัวยังไม่ยืนยัน อีกทั้งบอสพอลไม่ยืนยัน พี่สิระเป็นทนายจะฟ้องใคร”
นายสิระ กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวมีการเรียกรับเงินกัน และขณะนี้มีการตั้งเรื่องเรียกสอบแล้ว ว่ามีความผิดไม่ชอบแล้ว
โฆษก พปชร. ย้ำคำสั่ง "บิ๊กป้อม" มีหลักฐานมัดตัวเชือดทันที
ทำให้พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ต้องรอกระบวนการของประธานสภาฯ และตำรวจ หากมีพยานหลักฐานถึงจะแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งในวันที่แจ้งข้อกล่าวหาแล้ววันนั้นเป็นวันที่คนๆ นี้มีส่วนกระทำผิด แม้ศาลไม่ได้บอกว่าทำผิด ไม่มีหมายจับ ไม่ถูกฟ้องต่อศาล ดังนั้นมาตรฐานจริยธรรมของพรรคพลังประชารัฐ แค่มีพยานหลักฐานชัดเจนไม่เอาไว้แล้ว
ซึ่งนายสิระ กล่าวต่อว่า “อย่างน้อยสุดพี่ต๊ะ รู้แล้วว่าเป็นใคร คนใกล้ตัวท่านด้วย ผมฐานะศิษย์เก่ามองว่าต้องลดบทบาทคนๆ นี้ไม่ออกสื่อฐานะพรรคพลังประชารรัฐ หรือสังคมเข้าใจว่าไม่ได้หนุนหรือปกป้อง ตอนนี้ รู้ว่าเป็นใคร หัวหน้าพรรคก็ทราบเพราะเสียงคุ้นมาก ควรให้สังคมหรือแฟนคลับสบายใจ ควรลดบทบาทคนดังกล่าวและทำให้สังคมเข้าใจว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ปกป้อง”
ผู้สื่อข่าวรายรายงานในคำถามของนายสิระ ดังกล่าว พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวตอบรับว่า “ใช่ครับ แต่ไม่ต้องลดบทบาท หากมีพยานหลักฐานพร้อมเชือดทันที”
อย่างไรก็ดีนายสิระ กล่าวย้ำว่า เพื่อสังคมหรือแฟนคลับสบายใจ ควรลดบทบาทคนดังกล่าวและทำให้สังคมเข้าใจว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ปกป้อง ซึ่งพรรคทำได้ทันที”
โฆษก พปชร. ชี้คลิปเสียง จ้องทำลาย พรรค
ทำให้ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า “เราคาดเดาว่าเป็นบุคคลนั้น”ทำให้ นายสิระ หัวเราะและกล่าวว่า ไม่ได้คาดเอา แต่รู้ว่าเป็นใคร แม้ไม่ได้ยืนยัน เท่านั้น ทั้งนี้เรื่องผมไม่อยากให้โยงเป็นเรื่องการเมือง แม้บอสคนหนึ่งจะอยู่กับพรรคเพื่อไทย แต่เรื่องนี้เป็นความเดือดร้อนกับประชาชนจำนวนมาก พรรคจึงควรแอคชั่น”
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวย้ำว่า “นายสิระ ควรไปลากไส้ตัวการใหญ่ในพรรคการเมืองใหญ่มาดำเนินคดีดีกว่า ควรไปจัดการหมาเน่าตัวใหญ่ ช้างเน่า ดีกว่ามาจับเหลือบ หรือแมลงวัน ตัวเล็กตัวน้อย”.