คดีตากใบ ‘สุมไฟใต้’ ? กระบวนการยุติธรรม ยุค พท.
คดีตากใบ ใกล้หมดอายุความงวดเข้ามาทุกขณะ ภายใต้สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นิ่งเงียบ ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ แต่หน่วยงานความมั่นคง กลับตรึงกำลังเข้มเกาะติดความเคลื่อนไหวตาไม่กะพริบ
KEY
POINTS
- นอกจาก พล.อ.พิศาล ยังมีผู้ต้องหาที่เป็นอดีตทหาร - ตำรวจระดับสูง มีสายสัมพันธ์เป็นเพื่อนร่วม ตท.รุ่น 10 กับ ทักษิณ
- กระบวนการยุติธรรมไทยถูกตั้งข้อสังเกตมีปัญหาหรือไม่ เพราะคดีตากใบลากยาว 20 ปี
ในที่สุด “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” อดีต แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีตากใบ ได้ไขก๊อกจาก สส.บัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ ของเพื่อไทยเมื่อ 14 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา หวังลดแรงเสียดทาน และผลกระทบต่อรัฐบาลเพื่อไทย
ชื่อ “พล.อ.พิศาล” เคยติดโผเป็น “รมว.กลาโหม” สองครั้งติดต่อกันทั้ง รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และ รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร เพราะสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น “ทักษิณ ชินวัตร” ตั้งแต่เรียนระดับมัธยมจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย ที่เชียงใหม่
ก่อนจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารพร้อมกัน แต่ทักษิณ มีความจำเป็นบางอย่างต้องกลับมาสอบใหม่ เป็น ตท.รุ่น 10 ส่วน พล.อ.พิศาล ตท.รุ่น 9 กลายเป็นพี่ปกครองดูแลเกื้อกูลกันมาตลอด
ในช่วงรับราชการ พล.อ.พิศาล เคยผ่านหลักสูตรทรหดทั้ง กระโดดร่ม จู่โจม สงครามทุ่นระเบิด ก่อนจะเข้าเติบโตในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อปี 2523
ต่อมา พล.อ.พิศาล ขยับเป็น มทภ.4 ในยุคพรรคไทยรักไทย ที่มี ทักษิณ เป็นนายกฯ และ “พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร” เป็น ผบ.ทบ. เมื่อปี 2547 จนเกิดโศกนาฏกรรมเหตุการณ์การสลายการชุมนุม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส กลายเป็นคดีความฟ้องร้องลากยาวมาจน 20 ปี
จนศาลจังหวัดนราธิวาส รับฟ้องคดีที่ครอบครัวผู้สูญเสียยื่นฟ้องเอง ในระหว่างคดีกำลังจะใกล้หมดอายุความ ปรากฏชื่อ จำเลย พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี เป็นจำเลยที่ 1
นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาที่เป็นอดีตนายทหาร และอดีตนายตำรวจระดับสูง มีสายสัมพันธ์เป็นเพื่อนร่วม ตท.รุ่น 10 กับ ทักษิณ เช่น พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5
ส่วน พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ อดีต รองผบ.ตร. เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ หรือ นรต. รุ่น 26 รุ่นเดียวกับนายทักษิณ และภริยา (สิริกร มณีรินทร์) ของ พล.ต.อ.วงกต ก็เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลไทยรักไทย
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช.ยุค รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยอมรับว่า แม้ปัจจุบัน พล.อ.พิศาล ลาออก สส.เพื่อไทยแล้ว แต่คดีตากใบส่งผลกระทบรัฐบาลแพทองธารเป็นอย่างมาก เพราะฐานที่มาของเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยรับผิดชอบ โดยมีทักษิณเป็น นายกฯ
และแน่นอนว่า กระบวนการยุติธรรมไทยถูกตั้งข้อสังเกต ว่ามีปัญหาหรือไม่ เพราะคดีนี้ลากยาวมาได้อย่างไร จนกระทั่งใกล้หมดอายุความ ถึงมาสั่งฟ้องกัน ตำรวจส่งขึ้นมา อัยการมีเวลาจำกัด ศาลประทับรับฟ้อง ดำเนินการหมิ่นเหม่อายุความกำลังสิ้นสุด 25 ต.ค.2567 นี้ และปัจจุบันนี้มีหมายจับ แต่ไม่ทราบว่าคนเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหน
ขณะที่ พล.อ.พิศาล เป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกที่ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชา ขณะเดียวกันปฏิเสธไม่ได้ เกี่ยวข้องกับสถานะ สส. ของ พล.อ.พิศาล ก่อนหน้านี้จนถูกตั้งข้อสังเกตจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคนทั้งประเทศ ว่า พรรคเพื่อไทยจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบได้อย่างไร เพราะ พล.อ.พิศาล เป็น สส.บัญชีรายชื่อเบอร์ต้นๆ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็รู้อยู่แล้ว มีจุดอ่อนเรื่องนี้ แต่เพราะเหตุใดถึงได้ สส. และเมื่อคดีเริ่มมีความชัดเจน ก็ใช้ความเป็น สส. เป็นภูมิคุ้มกัน ให้เหตุผลลาป่วย และมีการอนุญาตจากรองประธานรัฐสภาของเพื่อไทย ในห้วง ต.ค.2567 ซึ่งชัดเจนว่าอยู่ต่างประเทศไม่สามารถติดตามตัวได้
“ผลกระทบแรงมาก เนื่องจากภาพความเป็น สส.เพื่อไทยก่อนหน้านี้ แม้ปัจจุบันลาออกแล้ว แต่ผลกระทบยังคงอยู่ สิ่งสำคัญหากไม่สามารถนำ พล.อ.พิศาล พร้อมพวก มาขึ้นศาลจนคดีขาดอายุความ จะยึดโยงไปยังภาพใหญ่ของกระบวนการยุติธรรมของประเทศ และพรรคเพื่อไทย ว่ามีปัญหาเรื่องกระบวนการยุติธรรม”
เพราะปัจจุบันมีปัญหากรณี ชั้น 14 ของทักษิณอยู่แล้ว เมื่อมาเจอคดีตากใบอีก กลายเป็น 2 เรื่อง ส่งผลกระทบพรรคเพื่อไทยแน่นอน และจะถูกยกระดับมาถึงรัฐบาลเพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า รัฐบาลไม่ได้กระตือรือร้นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ว่าคดีตากใบคาราคาซังมานาน ต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ตั้งแต่ยุคเศรษฐา ทวีสิน
พล.ท.ภราดร กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ต้องระวังสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะก่อนหน้านี้มีสิ่งบอกเหตุ เกิดระเบิดมาแล้ว และข่าวสารที่ปรากฏไม่สามารถจับใครได้เลยแม้แต่คนเดียว กลายเป็นเงื่อนไขก่อเหตุ เพราะไทยมีปัญหาเรื่องกระบวนการยุติธรรม และเป็นภาระหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ส่งผลกระทบระยะยาว ส่งผลไปถึงการพูดคุยสันติสุข การต่อรองหลายประเด็นหยิบยกขึ้นมา เป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่ต้องรับโทษ ในขณะที่ประชาชนถูกจับไปขังคุก
ด้าน พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวถึงสถานการณ์พื้นที่ภาพรวมว่า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ การก่อเหตุในพื้นที่ ยังเป็นการก่อเหตุรายวัน เพียงแต่มีการวิเคราะห์กันว่า คดีตากใบ จะส่งผลกระทบทำให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ แต่มีข้อสังเกตว่า ผู้ก่อเหตุมุ่งเป้าหมายกระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐเป็นฝ่ายกำลัง ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร โดยพฤติการณ์ก่อเหตุลวงเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ ก่อนกระทำต่อเป้าหมาย แต่ยังไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าสืบเนื่องจากคดีตากใบ
ทั้งนี้ยอมรับว่า การก่อเหตุใหญ่ในพื้นที่ เกิดขึ้นเป็นบางช่วง หน่วยงานการข่าวพยายามตรวจสอบข้อมูลวางแผนสกัดป้องกันเต็มที่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น พยายามเร่งรัด ในส่วนของตนจะเดินทางพบผู้ว่าฯ นครพนม พร้อมด้วยรองแม่ทัพภาคที่ 4 เพราะมีผู้ต้องหาท่านหนึ่งยังรับราชการเป็นปลัดอำเภอ โดยจะไปแนะนำให้เข้ามอบตัวขึ้นสู้คดีในชั้นศาล
ส่วน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพียงไม่กี่วันหลังรับตำแหน่ง ติดตามสถานการณ์พื้นที่ใกล้ชิด พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ เข้มงวดงานด้านการข่าว ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทในการปฏิบัติงาน เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนและของตนเอง
คดีตากใบใกล้หมดอายุความ งวดเข้ามาทุกขณะ ภายใต้สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่นิ่งเงียบ ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ แต่หน่วยงานความมั่นคงกลับตรึงกำลังเข้ม เกาะติดความเคลื่อนไหวตาไม่กะพริบ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์