'จตุพร' ประเมิน ต.ค.-พ.ย.สถานการณ์เปราะบาง หลัง กกต.สอบ 'ทักษิณ' ครอบงำ พท.
'จตุพร' ประเมินอาการ 'นายกฯ-ทักษิณ-เพื่อไทย' ชี้ กกต.เริ่มแปลก ลุยสอบ 6 คำร้องปมครอบงำพรรค บรรจบ ป.ป.ช.ไต่สวนชั้น 14 รพ.ตำรวจ เชื่อประจักษ์พยานหลักฐานสมบูรณ์แบบ ยื่นศาล รธน.ชี้ขาดได้ คาดปลาย ต.ค.-ต้น พ.ย.สถานการณ์เปราะบาง
เมื่อ 18 ต.ค. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเมินสถานการณ์การเมืองว่า ปลาย ต.ค. ถึงต้น พ.ย.นี้ อนาคตการเมืองของนายกรัฐมนตรี (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) และพรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานการณ์เปราะบาง เพราะเป็นช่วงศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้อง 6 ประเด็นกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครอง และอาจส่งผลวิกฤตถึงตำแหน่ง นายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งย้ำถึงคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นกล่าวหาข้างต้น โดยสรุปคำร้องกล่าวหาว่า
1. ทักษิณ สั่งเพื่อไทยให้จัดที่พักชั้น 14 รพ.ตำรวจ ระหว่างต้องโทษจำคุกเป็นการบ่อนทำลายเกียรติยศสถาบันพระมหากษัตริย์
2. สมคบและเอื้อประโยชน์กับกัมพูชาละเมิดอธิปไตยทางทะเลของไทย
3. สั่งเพื่อไทยแก้ รธน.กับพรรคประชาชนที่มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง
4. สั่งเพื่อไทยเสนอชื่อนายกฯ หลังนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นตำแหน่งนายกฯ
5. สั่งเพื่อไทยขับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล
6. สั่งเพื่อไทยนำนโยบายของตัวเองแถลงต่อสภา
นายจตุพร กล่าวว่า คำร้องนี้มีสาระสำคัญอยู่ 2 ประเด็นใหญ่ คือ กรณีชั้น 14 และการครอบงำ ครอบครองพรรคการเมือง โดยก่อนหน้านี้แกนนำพรรคเพื่อไทยล้วนปรามาสว่า เป็นเรื่องเบาหวิว แต่ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุคำร้องการครอบงำพรรคเพื่อไทยมีมูล และจะพิจารณาเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ กกต.ชุดใหญ่
โดยเรื่องที่เกี่ยวข้องชั้น 14 นั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังเดินหน้าอยู่ ส่วน กกต.เดินเรื่องการครอบงำพรรคเพื่อไทย ขณะที่คำร้องกล่าวหาทั้ง 6 ประเด็นของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ที่พรรคเพื่อไทยปรามาสไว้ว่า ไม่มีอะไรนั้น จะนำผลตรวจสอบแต่ละกรณีไปเป็นหลักฐานประจักษ์พยานประกอบสำนวนพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญด้วย
"คำร้องอ้างมีประจักษ์พยานประกอบนั้น มีการคาดกันถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พยานบุคคลที่ไปชั้น 14 ซึ่งให้ปากคำกับ ปปช.ไว้ และมีพยานไปบ้านจันทร์ส่องหล้าด้วย แต่หากผลการสอบของ กกต.ชุดใหญ่มีมติส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันกับการพิจารณาสำนวนของนายธีรยุทธ ย่อมเป็นประจักษ์พยานและหลักฐานประกอบอันสอดคล้องกัน นอกจากนี้หลักฐานชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยังเป็นคนละประเด็นกับหลักฐานที่จะดำเนินคดีในศาลอาญาคดีทุจริตฯ กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาแล้ว โดยหลักฐานจาก ป.ป.ช. และหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นมาจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รวมทั้งจากแพทยสภา ตลอดจนประจักษ์พยานอย่่างอื่น โดยเฉพาะถึงขณะนี้ รพ.ตำรวจ ยังไม่ส่งเวชทะเบียนคนป่วยให้ ป.ป.ช. อาจเป็นเพราะไม่รู้จะหาจากไหนได้ โดยเชื่อว่าหลักฐานเหล่านี้จะเพียงพอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้อง 6 ประเด็น
"เข้าใจว่า ในสัปดาห์หน้า (21-26 ต.ค.) สถานการณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง อีกอย่างที่เคยพูดไว้ให้จับตาดูการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่กลาง ต.ค.ไป วันนี้เริ่มเห็นอาการเปล่งๆ จาก กกต. แล้ว เรื่องที่พรรคเพื่อไทยดูว่าเบาหวิว อารมณ์ดี แต่ลึกแล้วอารมณ์ไม่ดีหรอก เพราะรู้ดีว่า กรณีชั้น 14 กรณีของรัฐบาล กรณีของพรรค มันเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกัน และอาจนำพาไปสู่การหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ได้" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ในสถานการณ์มากคำร้องกำลังรุกไล่รัฐบาลและนายกฯ คงไม่มีที่ปรึกษาคนใดมาช่วยให้หลุดรอดจากหลายข้อกล่าวหาพฤติกรรมเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรม ซึ่งกำลังจ่อรอไล่กระชันชิดเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งการจัดงานเลี้ยงเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ดังนั้น ท่ามกลางสถานการณ์เปราะบางเช่นนี้ ภาคประชาชนต้องติดตามใกล้ชิด
ส่วนการฟ้องร้องคดีกับบรรดาติ่งคอมเมนท์ใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน และได้มามากแล้ว แต่มีการลบความเห็นในเพจต่างๆ กันไปมาก อย่างไรก็ตาม แม้ต้นตอข้อมูลเท็จถึงเปลี่ยนชื่อเพจใหม่แล้ว แต่ไม่มีปัญหาทางกฎหมาย เพราะต้องจัดเต็มกับพวกติ่งใส่ร้าย จะเป็นอื่นไม่ได้
ข้อมูลจาก: Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์