'สว.' ปะทะคารม ปมล็อคชื่อ กมธ.ถกกม.ประชามติ ซัด 'ระบอบเผด็จการ'

"นันทนา" ซัด สว.กลุ่มใหญ่ เป็น "เผด็จการ" หลังล็อคชื่อ 14กมธ.ถกแก้กม.ประชามติ ก่อนใช้การโหวตตัดสิน ผลยืนชื่อ14คนตามที่วิปวุฒิสภาเสนอ

ที่วุฒิสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง วาระตั้งกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่...) พ.ศ.... ทั้งนี้พบว่ามีการเสนอรายชื่อ 14 คนมาจากคณะกรรมการวิสามัญกิจการวุฒิสภา แต่ถูกโต้แย้งจาก สว.เสียงข้างน้อยที่ต้องการให้ทบทวน และให้มีสัดส่วนตัวแทนของสว.ที่เป็นเสียงข้างน้อย ซึ่งสนับสนุนให้วางหลักเกณฑ์การผ่านประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญด้วยเสียงข้างมากชั้นเดียว แทนการใช้เสียงข้างมาก 2ชั้นตามที่กมธ.ของวุฒิสภาแก้ไข ทั้งนี้มีการเสนอชื่อให้พิจารณาเพิ่มเติม จำนวน 2 คน คือ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส และ นายประภาส ปิ่นตบแต่ง สว.

ผู้สือข่าวรายงานว่าระหว่างการอภิปรายแสดงเหตุผล มีการโต้เถียงกันระหว่าง น.ส.นันทนา กับนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ต่อการกำหนดสัดส่วนของกมธ.เข้าไปเป็นกมธ.ร่วม ทั้งนี้นายพิสิษฐ์ ชี้แจงว่าการเสนอรายชื่อสว. ไปเป็นกมธ. เพื่อพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมของ พ.ร.บ. ของสภาฯ เท่านั้นไม่รวมถึงผู้ที่เห็นชอบกับสภาฯ ดังนั้นคนที่มีสิทธิเลือกไปเป็นกมธ. 14 คนนั้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติม โดยไม่มีสัดส่วนอะไร เพาะต้องเป็นคนที่ยกมือแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวเท่านั้น

ทำให้ น.ส.นันทนา โต้ว่า การปฏิบัติหากไม่มีสัดส่วนคนคิดต่างแสดงว่ายึดหลักเผด็จการไม่ใช่ประชาธิปไตย ถือว่าน่าผิดหวัง ทั้งนี้ที่ประชุมวุฒิสภา หรือ สภา ย่อมมีคนที่เห็นต่าง สัดส่วนคนที่คิดไม่เหมือนกัน หากบอกว่าไม่ต้องมีสัดส่วนมีแต่พวกเดียวกันเท่ากับเป็นระบอบเผด็จการ ซึ่งนายพิสิษฐ์ โต้ทันทีว่า ตนไม่มีความคิดเป็นเผด็จการ อีกทั้งไม่ใช่สภาที่พรรคการเมืองครอบงำ ดังนั้นต้องเคารพสิทธิ การแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ คนที่ไปคุย ต้องเป็นสัดส่วนที่เห็นชอบกับ พ.ร.บ. ไม่ใช่คนที่เห็นต่าง

อย่างไรก็ดีในที่สุดประเด็นดังกล่าวต้องมีการลงมติเพื่อตัดสิน และผลปรากฎว่า รายงาน 14 คน ที่มาจากวิปวุฒิสภา ได้รับเลือกด้วยคะแนนสูงสุด ขณะที่ น.ส.นันทนา ได้เพียง 27 คะแนน และนายประภาส ได้ 25 คะแนน