“ผู้นำโลกเสรีคนต่อไปจะเป็นประธานาธิบดีหญิงสหรัฐฯคนแรกหรือจะเป็นทรัมป์คัมแบ็ค?”

“ผู้นำโลกเสรีคนต่อไปจะเป็นประธานาธิบดีหญิงสหรัฐฯคนแรกหรือจะเป็นทรัมป์คัมแบ็ค?”

จากคะแนนกำลังพลิกไปมาและกลยุทธ์ต่างๆ กำลังถูกนำมาใช้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงเป็นไปได้ว่าการชนะครั้งนี้อาจจะเกิน 300 EVs ขึ้นไปส่วนผู้ชนะจะเป็นใครดูจาก 2 ฉากทัศน์ คือ แฮร์ริสชนะ Arizona 11, Georgia 16 เพิ่มเติมจาก 293 ข้างต้น กลายเป็นคะแนนรวม 320 EVs, หรือทรัมป์ชนะรัฐสมรภูมิทั้งหมด ได้ 245 + Nevada 6, Michigan 16, Pennsylvania 19, Wisconsin 10, North Carolina 15 = 311 EVs

การเลือกตั้งทั่วไปในสหรัฐฯ วันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2024 นอกจากจะเป็นการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2025 ก็จะเป็นการชิงเสียงข้างมากในวุฒิสภา (ปัจจุบันเป็นเดโมแครต) และสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐด้วย (ปัจจุบันเป็นรีพับลิกัน)

นโยบายสำคัญของฝ่ายบริหารซึ่งนำโดยประธานาธิบดีจะเห็นผลสำเร็จปานใดก็ขึ้นอยู่กับเสียงสนับสนุนภายในสภาทั้งสองด้วย ซึ่งการร่างกฎหมายต่างๆจะเริ่มจากสภาผู้แทนและส่งขึ้นไปคัดกรองอีกครั้งที่วุฒิสภา โพลล่าสุดคาดว่าวุฒิสภายังสูสีกันขนาด 50/50 แต่สภาผู้แทนฯจะเปลี่ยนเสียงข้างมากเป็นเดโมแครต

การคานอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติเป็นบรรทัดฐานที่ใช้มาเป็นเวลากว่า 248 ปี และอำนาจฝ่ายตุลาการโดยศาลสูงสุดของสหรัฐฯในระยะหลังนี้คะแนนเสียงมักเทไปทางอนุรักษ์นิยม 6 ต่อ 3 บ่อยครั้ง (รีพับลิกันได้เปรียบ)

คามาลา แฮร์ริส ฝ่ายเดโมแครตมีเวลาหาเสียงเพียงแค่ 92 วัน

ตั้งแต่รับตำแหน่งเป็นแม่ทัพแบบฉุกเฉินเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมาสามารถเรี่ยรายเงินบริจาคและใช้ความสามารถเฉพาะตัวเสริมเสน่ห์ดึงดูดกองเชียร์ทั้งอาสาสมัครและสปอนเซอร์ต่างๆน่าประทับใจเป็นประวัติศาสตร์ แต่ครั้งนี้เป็นการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกซึ่งอาจเสียเปรียบด้านประสบการณ์ และคำถามคือชาวอเมริกันพร้อมหรือยังที่จะมีผู้นำเป็นสตรี

ดอนัลด์ ทรัมป์ ฝ่ายพรรครีพับลิกันหลังชนฝาทุ่มสุดตัวเพราะหลายคดีอาชญากรรมรออยู่ 

ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 หาเงินบริจาคได้น้อยกว่าคู่ต่อสู้ แต่มีประสบการณ์โชกโชน ครั้งนี้มีเดิมพันคืออิสรภาพส่วนตัวซึ่งถูกคณะลูกขุนตัดสินว่าผิดจริงในคดีอาญาที่นิวยอร์กและอาจถูกปรับเป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านเหรียญจากคดีแพ่งและคดีอื่นๆที่รอตามมาอีกเป็นจำนวนมาก คดีที่น่าเป็นห่วงว่าอาจถูกจำคุกคือคดีละเมิดกฏหมายเลือกตั้งที่รัฐจอร์เจียและคดียุยงส่งเสริมให้เกิดการบุกรัฐสภาที่วอชิงตันดีซี

หากทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งก็จะใช้อำนาจและสิทธิพิเศษหลายอย่างบรรเทาหรือกำจัดเรื่องรุมเร้าต่างๆเหล่านี้ให้หมดสิ้น และเขาเคยกล่าวหลายครั้งว่า “เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ฉะนั้นระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันต้องถูกรื้อฟื้นเปลี่ยนแปลงใหม่หมด”

แต่หากทรัมป์แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะเห็นศัตรูภายในและนอกพรรครีพับลิกันใช้โอกาสผลักดันให้เขาออกจากการเมืองและอาจเห็นการพยายามเปลี่ยนผู้นำของพรรครีพับลิกันที่ทำให้แพ้การเลือกตั้งติดต่อกันหลายครั้งและจะมีหลายคนพยายามล้ม “ลัทธิทรัมป์” ก่อนที่จะกู้พรรคไม่ไหว

โอกาสที่จะรู้ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะออกมาเป็นอย่างไร คงเป็นประมาณ 48 ชั่วโมงหลังจากการปิดคูหาเลือกตั้งคือวันที่ 7 พฤศจิกายน

คาดว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะยอมรับผลการเลือกตั้งเช่นครั้งที่แล้ว แต่จะมีบางกลุ่มโดยเฉพาะด้านรีพับลิกันที่ประกาศแล้วว่าจะตรวจสอบอย่างเข้มงวดและ “อาจไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากฝ่ายตนเองพ่ายแพ้”

ความซับซ้อนของกระบวนการนับคะแนนเสียงของรัฐต่างๆ อาจใช้เป็นข้ออ้างเพื่อนำมาสู่การฟ้องศาลพร้อมกันหลายแห่ง

อย่างไรก็ตามบทเรียนจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2021 ที่มีจลาจลบุกรัฐสภาเพื่อยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนผ่านผู้นำนั้นคงนำมาเป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกเนื่องจากความขัดแย้งในสหรัฐฯระหว่างผู้สนับสนุนของสองพรรคการเมืองอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลกได้อย่างน้อยระยะสั้น

การทำนายผลการเลือกตั้งเป็นเป็นความเสี่ยงของนักวิเคราะห์การเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐอเมริกาครั้งนี้มีเงื่อนไขและองค์ประกอบหลายอย่างที่แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา

การแทรกแซงและโฆษณาชวนเชื่อจากหลายกลุ่มทั้งในและนอกสหรัฐฯทำให้ผู้เชี่ยวชาญพากันหวั่นไหวว่าการประเมินนั้นใกล้เคียงกับความเป็นจริงแค่ไหนและจะมีตัวแปรอะไรมาเซอร์ไพรส์ในโค้งสุดท้ายได้หรือไม่

อย่างไรก็ตามครั้งนี้ผมขอทำนายไว้ล่วงหน้าเป็นกรณีพิเศษดังนี้

ผลการเลือกตั้ง “แฮร์ริสจะชนะด้วยคะแนน 293+ ต่อทรัมป์ 245-”

รัฐธรรมนูญสหรัฐฯกำหนดที่ electoral voters 538 คน ผู้ชนะจะต้องได้เกินกว่าครึ่งหนึ่งคือ 270 เสียงขึ้นไป (538 มาจากรัฐละสองคนตามจำนวนวุฒิสมาชิก = 100 + ผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ 435 คน + วอชิงตันดีซี 3 คน)

ทำนายว่าคะแนนเสียงความนิยมทั้งประเทศ (National Popular Votes)

Harris 51+% vs. Trump 47-% (Others 2%+/-)

คะแนน electoral votes (EVs) ของแฮร์ริสจะได้มาจาก :

Washington D.C. 3, Vermont 3, Maryland 10, Massachusetts 11, California 55, Hawaii 4, New York 29, Rhode Island 4, Connecticut 7, Washington 12, Delaware 3, Illinois 20, New Jersey 14, Oregon 7, Colorado 9, New Mexico 5, Virginia 13, Maine 3 (Trump won 1 of 4), Nebraska 1, New Hampshire 4, Minnesota 10 บวกกับ 5 รัฐสมรภูมิ (battleground states) หรือรัฐที่มีคะแนนอย่างสูสีมาก (swing states) คือ Nevada 6, Michigan 16, Pennsylvania 19, Wisconsin 10, North Carolina 15 รวมทั้งสิ้น 293 EVs.

คะแนน Electoral Votes (EVs) ของทรัมป์จะได้มาจาก :

Wyoming 3, West Virginia 5, North Dakota 3, Oklahoma 7, Idaho 4, Arkansas 6, Kentucky 8, South Dakota 3, Alabama 9, Tennessee 11, Utah 6, Nebraska 4 (Harris won 1 of 5), Maine 1, Louisiana 8, Mississippi 6, Montana 3, Indiana 11, Missouri 10, Kansas 6, South Carolina 9, Alaska 3, Iowa 6, Ohio 18, Texas 38, Florida 30 บวกกับ 2 รัฐสมรภูมิ Arizona, 11 Georgia 16 รวมทั้งสิ้น 245 EVs.

แต่เนื่องจากคะแนนกำลังพลิกไปมาและกลยุทธ์กลวิธีต่างๆ กำลังถูกนำมาใช้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงเป็นไปได้ว่าการชนะครั้งนี้อาจจะเกิน 300 EVs ขึ้นไปส่วนผู้ชนะจะเป็นใครดูจาก 2 ฉากทัศน์ คือ

1) แฮร์ริสชนะ Arizona 11, Georgia 16 เพิ่มเติมจาก 293 ข้างต้น กลายเป็นคะแนนรวม 320 EVs, หรือ

2) ทรัมป์ชนะรัฐสมรภูมิทั้งหมด ได้ 245 + Nevada 6, Michigan 16, Pennsylvania 19, Wisconsin 10, North Carolina 15 = 311 EVs

หลังการเลือกตั้งเราพบกัน บทความครั้งต่อไปจะฉลองชัยหรือเช็ดน้ำตา?

เศรษฐกิจการเมืองโลกจะเดินไปข้างหน้าเช่นเคยตามเงื่อนไขและกติกาคล้ายปัจจุบัน หรือจะถูกเขย่าเปลี่ยนอย่างรุนแรงและส่งสัญญาณลัทธิชาตินิยมเชิดชูผู้นำแบบเผด็จการใช้กำแพงภาษีเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ รออีกไม่กี่วันก็จะรู้ทิศทางของโลกแล้วครับ