‘เพื่อไทย’แก้เกม ‘สีน้ำเงิน’ ยื้อ 180 วัน-โหวตกม.ประชามติ
หลังจากนี้ “เพื่อไทย” ต้องเปิดเกมรบกับ “ค่ายสีน้ำเงิน” อีกหลายยก และต้องจับตาเกมต่อรองผลประโยชน์ หากฝ่ายใดต้องการสร้างเงื่อนไขนำไปสู่ความขัดแย้ง จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลทันที
KEY
POINTS
- หลัง “สว.สายน้ำเงิน” โหวตตีกลับการแก้ไขกฎหมายประชามติ มาให้ใช้เสียงข้างมากแบบกึ่งหนึ่งสองชั้น บรรยากาศของ “พรรคร่วมรัฐบาล” เขม็งเกลัวขึ้นมาทันที
-
ระหว่างนี้ต้องรอให้ กมธ.ร่วม ตกผลึกว่าจะโหวตในทิศทางใด จำนวนเสียง 14-14 ทว่า กมธ.ร่วมในสัดส่วนของ สส. มี 2 เสียง อยู่ใน “ค่ายสีน้ำเงิน”
-
หากโหวตขอมติจาก กมธ.ร่วม โอกาสชนะมียาก เพราะเสียง “พรรคร่วมรัฐบาล+ขั้วฝ่ายค้าน” จะอยู่ที่ 12 เสียง ขณะที่ “ค่ายสีน้ำเงิน” มี 16 เสียง จึงต้องติดตามการแก้เกมของ "เพื่อไทย"
การแก้ไขรัฐธรรมนูญติดชนักทันที ภายหลัง “สว.สายน้ำเงิน” โหวตตีกลับการแก้ไขกฎหมายประชามติ มาให้ใช้เสียงข้างมากแบบกึ่งหนึ่งสองชั้น ทำให้บรรยากาศของ “พรรคร่วมรัฐบาล” เขม็งเกลัวขึ้นมาทันที
ทั้งที่นโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นพันธสัญญาการเข้าร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” ที่ชูธงนำมาตั้งแต่การหาเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2566 แต่ผ่านมาเกือบ 2 ปี กลับพายเรือวนอ่าง
หมุดหมายแรกของ “เพื่อไทย” คือการแก้ไขกฎหมายประชามติ ให้เหลือล็อกชั้นเดียวคือใช้เสียงข้างมากของผู้มาลงคะแนนประชามติ เพราะจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรม เปิดทางให้มี สสร. ทำได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเป็นการเดินตามแนวทางที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” เคยมีคำวินิจฉัยเอาไว้
ทว่าระยะเวลาตามเงื่อนไขทางกระบวนการถูกยื้อออกมายาวนาน จนกระทบโรดแมปของ “เพื่อไทย” จากที่วางเอาไว้ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้งปี 2570 แต่เวลานี้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จทันตามเป้าหมาย
แต่ขณะนี้ต้องจับตาด้วยว่าการแก้กฎหมายประชามติ จะแล้วเสร็จในช่วงใด ซึ่งอาจจะโดน “สีน้ำเงิน” เล่นเกมเตะถ่วงจนเกือบครบเทอมรัฐบาลเพื่อไทย
การแก้ไขกฎหมายประชามติในตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมาธิการร่วม 2 สภา มีสัดส่วน สส. 14 เสียง สัดส่วน สว. 14 เสียง เพื่อหาแนวทางร่วมกันการแก้ใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ซึ่ง สว. ยืนยันหลักการดังกล่าวมา
ระหว่างนี้ต้องรอให้ กมธ.ร่วม ตกผลึกว่าจะโหวตในทิศทางใด จำนวนเสียง 14-14 คือปัจจัยที่ “เพื่อไทย” อ่านว่า 14 เสียงของ สว.สีน้ำเงิน จะโหวตยืนใช้ล็อกสองชั้น ตัวแปรจึงอยู่ที่เสียงโหวตของ สส.
ทว่า กมธ.ร่วมในสัดส่วนของ สส. มี 2 เสียง อยู่ใน “ค่ายสีน้ำเงิน” หากโหวตขอมติจาก กมธ.ร่วม โอกาสชนะมียาก เพราะเสียง “พรรคร่วมรัฐบาล+ขั้วฝ่ายค้าน” จะอยู่ที่ 12 เสียง ขณะที่ “ค่ายสีน้ำเงิน” มี 16 เสียง
จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ กมธ.ร่วม อาจจะไม่โหวตยืนยันมติในทางใดทางหนึ่ง โดยจะส่งให้ทั้ง 2 สภา ไปลงมติกันเองว่าจะเห็นชอบล็อกชั้นเดียว หรือล็อกสองชั้น เมื่อพิจารณาแล้วเสร็จทั้ง 2 สภา จะแยกกันโหวต
เมื่อ สส.โหวตเสร็จ สว.จะโหวตต่อ หาก สว. ยังยืนยันโหวตล็อกสองชั้นอีกครั้ง ทาง “เพื่อไทย” จะแก้เกมให้พัก ร่างกฎหมายประชามติเอาไว้ 180 วัน เมื่อพ้นกำหนดเวลาแล้ว สส. จะลงมติยืนยันล็อกชั้นเดียว
“เพื่อไทย” มั่นใจว่าหากใช้เสียง สส. โหวต “ค่ายสีน้ำเงิน” จะสู้ยาก เนื่องจากมีอยู่เพียง 70 เสียง ส่วน “พรรคร่วมรัฐบาล” พรรคอื่นทิศทางการโหวตอยู่ในแนวทางเดียวกับ “เพื่อไทย” เช่นเดียวกับ “ขั้วฝ่ายค้าน” โดยเฉพาะ “พรรคประชาชน” มุ่งหวังแก้รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
ดังนั้นแม้จะเสียเวลาไปอีก 180 วัน กินเทอมรัฐบาล แต่เป็นเกมเซฟโซนของ “เพื่อไทย” ไม่ถอยหลังไปนับหนึ่งแก้กฎหมายประชามติใหม่ หรือดันทุรังลุยไฟเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ โดยไม่ผ่านการทำประชามติ
ระยะเวลาหลังจากนี้ “เพื่อไทย” ต้องเปิดเกมรบกับ “ค่ายสีน้ำเงิน” อีกหลายยก และต้องจับตาเกมต่อรองผลประโยชน์ หากฝ่ายใดต้องการสร้างเงื่อนไขนำไปสู่ความขัดแย้ง จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลทันที