ถอดรหัส นายใหญ่ ‘ทักษิณ’ กรีธาทัพ ‘เพื่อไทย’ ยึด อบจ.อุดรฯ
ถอดรหัสจับจังหวะ "นายใหญ่" แห่ง "พรรคเพื่อไทย" ออกแรงขยับทางการเมืองลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้กับ "ศราวุธ" ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี หวังตอกย้ำแต้มต่อที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง "พรรคประชาชน"
KEY
POINTS
- วัดขุมกำลังศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี 24 พ.ย.67 นี้ "พรรคเพื่อไทย" มีแต้มต่อที่เหนือกว่า "พรรคประชาชน" ทั้งแง่ฐานเสียง สรรพกำลัง และองคาพยพ
- “เพื่อไทย” และ “ทักษิณ”ยังเชื่อมั่นว่ายุทธศาสตร์บ้านใหญ่ในการเลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี เป็นกลยุทธ์หลักล้มผู้สมัครจาก “พรรคประชาชน”
- ถอดรหัส "ทักษิณ" ขยับเส้นขยับสายทางการเมือง ควงแกนนำ สส.พรรคเพื่อไทย ช่วยหาเสียงให้กับ "ศราวุธ เพชรพนมพร" ผู้ท้าชิงนายก อบจ.อุดรธานี เพราะไม่ต้องการให้ "พรรคประชาชน" สร้างกระแสเติบโตจนส่งผลถึงการเลือกตั้งสนามใหญ่ในครั้งหน้า
- จ.อุดรธานี ถูกยกให้เป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดงแห่งภาคอีสาน การยกคณะ "กรีธาทัพใหญ่" ของ "นายใหญ่" แห่ง "พรรคเพื่อไทย" หวังต้องการชัยชนะที่ขาดลอยในทุกอำเภอ
- "นายกฯ แพทองธาร" ต้องเผชิญกระแสดิสเครดิตจากศัตรูตรงข้าม "พ่อนายกฯ" จึงใช้จังหวะศึกเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ มากลบกระแสโจมตีรัฐบาลเพื่อไทย
ขึ้นชื่อว่า “เมืองหลวงคนเสื้อแดง” แห่งภาคอีสาน ใครเล่าจะยอมเสียตำแหน่งแชมป์นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ที่เป็นของพรรคเพื่อไทยมา 2 สมัยซ้อนให้กับคู่แข่งฝั่งตรงข้ามได้ง่ายๆ
แม้ในทางลับ “คีย์แมน” ของ “พรรคเพื่อไทย” ได้ประเมินกระแส พร้อมทั้งเช็กเรตติ้งผ่านการทำโพล ก็พบว่า “พรรคเพื่อไทย” ยังมีคะแนนนิยมที่เหนือว่า “พรรคประชาชน” เรียกว่า “ชนะ” แทบขาดลอย ในศึกสมรภูมิชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี
ถึงแม้จะลอยลำตั้งแต่ยังไม่ปิดหีบเลือกตั้ง แต่ “นายห้าง” ตรา “เพื่อไทย” ไม่ประมาท ขอออกแรงขยับเส้น ขยับสายในทางการเมือง ยกคณะ “กรีธาทัพใหญ่” พร้อมขุนพล สส.อุดรธานี บุกช่วยหาเสียงให้กับ ป๊อป “ศราวุธ เพชรพนมพร” ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ดีเดย์วันยกทัพไปช่วยหาเสียงโดยกำหนดวัน ว.และ เวลา น.เสร็จสรรพ
“พ่อใหญ่ทักษิณ” บุก จ.อุดรธานี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงระดับบิ๊กบอส ระหว่าง 13 -14 พ.ย. 2567 ก่อนเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายศึกชิงนายก อบจ.อุดรธานี ที่จะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.2567
"ศราวุธ" เผยแพร่กำหนดการปราศรัยใหญ่ ภายใต้แคมเปญ "อุดรฯ ทั้งหัวใจ เลือก ศราวุธ เพชรพนมพร มาทำงาน"ระหว่าง 13-14 พ.ย.2567 ประกาศรายชื่อเปิดโผขุนพล แกนนำพรรคเพื่อไทย ตบเท้าช่วยปราศรัยเต็มสูบ
นำโดยนายกฯ ในดวงใจ "ทักษิณ ชินวัตร" พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย วิเชียร ขาวขำ อดีตนายกฯ อบจ.อุดรธานี จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ ก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ อดีตแกนนำ นปช.
ปิดท้ายเวทีปราศรัยใหญ่กลางลานทุ่งศรีเมือง อ.เมืองอุดรธานี วันที่ 14 พ.ย.2567 คนอุดรธานี จะได้เห็นลีลาน้ำเสียงของ "ทักษิณ" และพลพรรคเพื่อไทย โหมกระแสไม่ต่างจากการเลือกตั้งใหญ่
ในเวลาไล่เลี่ยกัน พรรคประชาชน (ปชน.) ก็จะขนทัพใหญ่ นำโดย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล บินตรงจากสหรัฐอเมริกามาช่วยปลุกกระแสปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้าย ช่วย ทนายแห้ว “คณิศร ขุริรัง” อดีตรองนายก อบจ.อุดรธานี ผู้สมัครของพรรคประชาชน ในระหว่าง 15-17 พ.ย.2567 เพื่อแย่งเก้าอี้นายก อบจ.อุดรธานี จาก “พรรคเพื่อไทย” มาครองให้ได้
ทั้ง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ทั้ง “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แกนนำพรรคตัวจริงและคีย์แมนหลังฉาก ต่างจัดสรรพกำลังลงพื้นที่ปลุกกระแส “ส้ม” ยึดอุดรธานี หมายมั่นอย่างเต็มที่จะปักธง สีส้มใน จ.อุดรธานี ประเดิมเก้าอี้แรกของการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นให้ได้ หลังผิดหวังมาแล้วในหลายจังหวัดที่ผู้สมัครของพรรคยังไม่พบกับคำว่า “ชนะ”
ศึกนายก อบจ.อุดรธานี รอบนี้จึงถูกยกให้เป็น สมรภูมิที่ดุเดือดสนั่นลั่นทุ่งศรีเมือง หากย้อนไปในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 จ.อุดรธานี มี สส. 10 เขต
พรรคเพื่อไทยยังครองคะแนนนิยมมาเป็นที่หนึ่ง กวาด สส.ได้ 7 เขต แต่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่ “เพื่อไทย” ไม่ได้ สส.ยกจังหวัด พลาดท่าเสีย สส.ให้กับ “พรรคก้าวไกล” ในเขต 1 และเสียที่นั่งให้กับพรรคไทยสร้างไทย 2 เขต
โฟกัสที่เขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองอุดรธานี (เฉพาะตำบลหนองบัว ตำบลหมากแข้ง ตำบลบ้านเลื่อม และตำบลนาดี) พรรคก้าวไกลในครั้งนั้น ส่ง “ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ” ลงสมัคร สส. ได้รับเลือกตั้ง 32,476 คะแนน ขณะที่แชมป์เก่าอย่าง “ศราวุธ” พลาดท่าสอบตกเพราะพ่ายกระแส “สีส้ม” ยึดเขตเมือง
ส่วนคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ จ.อุดรธานี เมื่อปี 2566 “เพื่อไทย” คว้า 353,147 คะแนน ส่วน “ก้าวไกล” มาเป็นที่ 2 ของจังหวัด 295,097 คะแนน
ขณะที่การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี เมื่อ 20 ธ.ค.2563 ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,224,772 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 694,671 หรือร้อยละ 56.72 ครั้งนั้น “วิเชียร ขาวขำ” จากพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกตั้ง 325,933 คะแนน ชนะ “ฐานวัฒน์ ธนาธัญญพิชญ์” ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า ที่ได้ 185,801 คะแนน
ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี รอบนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,258,454 คน จากพื้นที่การปกครอง 20 อำเภอ แบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 42 เขต มี 2,242 หน่วยเลือกตั้ง มีการประเมินว่าคนมาใช้สิทธิจะใกล้เคียงกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2563
“ป๊อป ศราวุธ” ผู้สมัครหมายเลข 2 จึงหมายมั่นว่าจะสามารถล้างตาในเกมใหญ่ ได้ ผ่านนายก อบจ.อุดรธานี เพราะหากสามารถป้องกันแชมป์ให้กับ “พรรคเพื่อไทย” ไว้ได้ ก็เท่ากับเป็นการหยุดกระแส “พรรคประชาชน” ไม่ให้ “สีส้ม” เติบโตใน จ.อุดรธานี จนเข้ามาเซาะกร่อนบ่อนทำลายคะแนนนิยมของ “เพื่อไทย” ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นรอบหน้า
ถอดรหัสทำไม “พ่อใหญ่ทักษิณ” ต้องออกแรงเองแม้รู้อยู่แล้วว่า “เพื่อไทย” เหนือกว่า “พรรคประชาชน” อยู่หลายช่วงตัว
นั่นเป็นเพราะว่า “ทักษิณ” ลุยหาเสียงครั้งนี้ ต้องการปลุกกระแสให้ประชาชนตื่นตัวออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้ได้เป็นจำนวนมาก ขึ้นชื่อว่า “นายใหญ่” มาเอง ลูกพรรคในระดับ สส.ก็ต้องขนองคาพยพ รวมทั้งสรรพกำลัง และมวลชนมาเกื้อหนุนให้ “เพื่อไทย” ชนะได้มากขึ้นกว่าเดิม
“พรรคเพื่อไทย”เหนือกว่า “พรรคประชาชน” ตรงที่มีแต้มต่อด้วยสรรพกำลังจาก สส.อุดรธานี ที่ขนมวลชนมาร่วมเวทีปราศรัยเรือนหมื่นคน
อีกทั้งทั้งยังได้กองหนุนทางลับจาก “ไทยสร้างไทย” ถึง 2 เขตช่วยเติมคะแนนนิยมอีก แต่ “นายห้าง” ก็ไม่ประมาท เพราะต้องการตอกย้ำลุยเองหาเสียงช่วยด้วยตัวเอง ประกาศให้คนอุดรธานีรับรู้ว่า “อุดรธานี” ยังเป็นของ “เพื่อไทย”
ยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน “รัฐบาลแพทองธาร” ต้องเจอแรงปะทะทางการเมือง ศัตรูคู่อาฆาตฝั่งตรงข้ามพยายามจ้องล้ม และดิสเครดิตคะแนนนิยมอยู่ตลอด
ทำให้ “พ่อนายกฯ” ต้องออกแรงช่วย “ลูกสาว” ผ่านเวทีนายก อบจ.อุดรธานี โดยอาศัยกระแส “เพื่อไทย” จ.อุดรธานี มากลบกระแสแรงต้านของฝั่งตรงข้ามที่พยายามปลุกกระแส “ล้ม” นายกฯ อุ๊งอิ๊ง
แน่นอนว่า เกมกระแส และโซเชียลฯ ทั้งใต้ดินและบนดิน “เพื่อไทย” ไม่อาจสู้กับ “พรรคประชาชน”ได้
ทว่า “เพื่อไทย” และ “ทักษิณ” ยังคงเชื่อมั่นว่ายุทธศาสตร์บ้านใหญ่ จะเป็นอาวุธหนักในการล้มผู้สมัครจาก“พรรคสีส้ม”ได้อยู่หมัด
เพราะหาก “เพื่อไทย” เพลี่ยงพล้ำปราชัยให้กับ “พรรคประชาชน” ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของ “รัฐบาลเพื่อไทย” และตัวนายกฯ อุ๊งอิ๊ง จนลามมาส่งผลต่อกระแสศรัทธาของ “พรรคเพื่อไทย” ในการเลือกตั้งสนามใหญ่มาตามลำดับอีกด้วย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์