'จตุพร' ขออดทนรอสถานการณ์ จับตาปม 'อัลไพน์' ถ้ารอด ท้าเอา 'ยิ่งลักษณ์' กลับมา

'จตุพร' ขออดทนรอสถานการณ์ จับตาปม 'อัลไพน์' ถ้ารอด ท้าเอา 'ยิ่งลักษณ์' กลับมา

'จตุพร' ขอประชาชนอดทนเฝ้ารอคอยสถานการณ์ ปลุกใจมัดรวมพลังคนรักชาติให้แน่น ขอให้จับตาปม 'สนามกอล์ฟอัลไพน์' ถ้าไม่ระคายผิวอีก ต้องยอมรับของเขาแน่ ชี้บ้านเมืองเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ท้าแน่จริงเอา 'ยิ่งลักษณ์' กลับมาไม่ต้องติดคุกสักวัน

เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ผ่าน Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์ ว่า ประเมินสถานการณ์ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องคลาดเคลื่อน แม้ถูกเย้ยหยันหน้าแตก แต่ถัดจากนี้ไปขอให้ประชาชนอดทนเฝ้ารอสถานการณ์เป็นตอนๆ และรวมใจมัดพลังคนรักชาติให้แน่นจนถึงวันที่บ้านเมืองไม่มีความหวังเหลืออีก แล้วจะได้คิดอ่านกัน

นายจตุพร กล่าวถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อ้างพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา ต้องใช้ MOU44 เจรจาตกลง ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมต้องแบ่งผลประโยชน์กัน ว่า การพูดเช่นนั้น พูดได้ถ้าเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ไม่เป็นทรัพย์สินของชาติ ดังนั้น หากจะแบ่งทรัพย์สินชาติก่อนตกลงปักปันเขตแดนกันแล้ว เมื่อมั่นใจว่า “มีของ”แน่จริงก็ทำเลย

“ถ้ากรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์รอดอีก ต้องยอมว่าของเขาแน่จริง อย่างนั้นทำบ่อนเถอะ ขายคอนโดให้ต่างชาติอยู่ 99 ปี หรือแลนด์บริดจ์ซุกที่ดิน 3 แสนไร่ก็รีบทำ ส่วนเรื่องไทย-กัมพูชาเร่งตกลงผลประโยชน์ก่อนปักปันเขตแดนเลย รวมทั้งวันอังคาร (ประชุม ครม.) นี้ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ก็ตั้งเถอะ เมื่อมั่นใจทุกอย่างดูเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ถ้าเชื่ออย่างนั้นจริง" นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า ในทางการเมืองแล้วสถานการณ์จากนี้ไป ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยมั่นใจว่า มีของดีจริง อยากจะทำอะไรก็เชิญ และถ้าแน่จริงต้องเอายิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับมาไปอยู่ที่บ้านโดยไม่ต้องติดคุกสักวันก็ทำเลย เมื่อเชื่อมีของดีคุมบ้านเมืองนี้ได้เบ็ดเสร็จจนชนะทุกอย่าง เพราะได้ไฟเขียวโล่งแล้วจะทำอะไรก็ทำได้

“เมื่อทักษิณ ชินวัตร บอกอยู่ทั้งนรกและสวรรค์มาแล้ว แต่นรกที่เขาอยู่นั้นยังมีวีไอพี เป็นชนชั้นอภิสิทธิ์เลย แล้วจะเอาอะไรกับประเทศนี้อีก อย่างไรก็ตาม ทักษิณไม่ได้ผ่านนรกและสวรรค์จริงๆ เหมือนคนไปต่อสู้แล้วตาย บาดเจ็บ หรือติดคุกหรอก อีกอย่างคำพิพากษาจำคุกยังทำอะไรไม่ได้ บ้านเมืองนี้เดินมาถึงจุดนี้กันจริงๆ” นายจตุพร กล่าว

ส่วนคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงฯ ของสภา สอบถามเวชระเบียนจาก รมว.ยุติธรรมนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เวชระเบียนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ต้องการ เพื่อนำมาตรวจสอบหมอและการป่วยของทักษิณ ว่าได้รักษากันจริงหรือไม่ และป่วยวิกฤตหรือไม่ สิ่งสำคัญนำมาพิจารณาหมอได้ทำหน้าที่รักษาจริงหรือไม่ เพื่อตรวจสอบและประกอบคดี ม.157 ว่าได้ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งไม่ได้นำมาเปิดเผยและไม่เหมือนกับการโชว์ใบเสร็จจ่ายค่าห้องชั้น 14 ดังนั้น เวชระเบียนไม่น่าเป็นความลับ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สิ่งที่ รมว.ยุติธรรม รายงานกับ กมธ.ความมั่นคงฯ นั้น กลับย้อนแย้งกับ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล ไปพบไปเห็นมาว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยจริง ดังนั้น เจตนาไม่ให้เวชระเบียนจึงเป็นการปกป้องคนผิด คือผู้ป่วย ทั้งที่ไม่ได้นำเวชระเบียนหรือประวัติผู้ป่วยมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ

"แต่ความผิดปกติของหมอรีบส่งทักษิณไป รพ.ตำรวจ อ้างป่วยวิกฤต หากคนป่วยแบบนี้ส่งช้า 1 นาทีถ้าวิกฤตต้องชัก ถ้าหนักแบบนั้นทำไมไม่ส่ง รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งอยู่ติดเรือนจำให้หมอรักษาก่อน กลับเอานั่งรถส่ง รพ.ตำรวจ ไปเสี่ยงตายถึง 17 นาทีทำไม และภาพขณะป่วยในเรือนจำยังนำมาแสดงไม่ได้ แต่อ้างเป็นความลับอีก เมื่อเป็นเช่นนี้บ้านเมืองจึงผิดปกติ จะอยู่กันแบบนี้จริงเหรอ ถ้าจะยกแผ่นดินนี้ให้ก็ยกเลย” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า สำหรับประชาชนจะยอมแพ้สยบราบคาบให้ทักษิณ และคณะหรือไม่ หรือมารวมกลุ่มคิดอ่านกัน อย่างไรก็ตาม เราต้องเฝ้าดูกันต่อไป ถ้า ป.ป.ช. ไม่มีปัญญาหาความจริงอีก และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลังเลจะทำหน้าที่ต่อไป แสดงว่า ไปกันทั้งขบวนแล้ว ดังนั้น ประชาชนคงต้องหวังลมๆแล้งๆกันต่อ จนกว่าบ้านเมืองนี้จะไม่มีความหวังให้หวัง ประเทศนี้จะดูสถานการณ์เพียงตอนเดียวไม่ได้ ต้องดูกันทุกตอน เมื่อเราอยู่ในประเทศแม้แต่ตัวเองยังเชื่อตัวเองไม่ได้ เพราะเมื่อหาเสียงเขาประกาศไม่จับมือดูกับใคร แต่ก็ไปจับมือกับใคร ดังนั้น เขายังเชื่อตัวเองไม่ได้ แล้วเราคนนอกจะเชื่ออะไรได้ เราจึงอยู่ในสังคมที่มีสัจจะเสื่อมต่อกัน เราจึงต้องอดทนรอ

นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบนั้นยังไม่จบสิ้นในกระบวนการ แต่ถึงขั้นเราต้องไปฝากความหวังกับองค์กรอื่นไว้ก็เบาๆ กันไว้ แล้วเราต้องเฝ้ารอวันสำนึกประชาชนพร้อมและสถานการณ์ใหม่เปิดโอกาสให้คนรักชาติได้แสดงพลัง ถ้ารัฐบาลไปเจรจาแบ่งประโยชน์พลังงานก่อนปักปันเขตแดน หากคนไทยยอมและเพิกเฉย เราก็รอและจะทำอย่างเต็มที่ของเราไป ด้วยการยืนยันจะต่อต้าน ถ้าต้านไม่ได้ ก็ทำสุดมือกันได้เท่านั้น กระทั่งเรื่อง 99 ปี เรื่องบ่อนและอนาคตเยาวชน รถรางกับการเสียที่ดินสองข้างทาง และเรื่องแลนด์บริดจ์ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ เราต้องยืนต้าน ถ้าคนไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้และช่วยด้วยก็เสร็จอีก

นายจตุพร กล่าวอีกว่า การลุกขึ้นยืนต้านนั้น เราทำได้เพียงบอกพี่น้องประชาชนว่า อะไรจะเกิดขึ้น เพราะเราไม่มีสติปัญญาทำอะไรอย่างอื่นได้ แม้เราไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เราต้องพูดถึงความเป็นชาติ เพื่อให้สติประชาชนว่า เราจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้กันหรือ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ ต้องบอกประชาชนว่า ต้องใจเย็นๆ ดูกันต่อไปให้สุดทาง ถ้าเขาทำตามโครงการต่างๆ กระทั่งสนามกอล์ฟอัลไพน์ยังไม่ระคายผิวก็ต้องยอมรับว่า ของเขาแน่ ส่วนที่เหลือเป็นความอดทนของพี่น้องประชาชนว่า จะทนในแต่ละเรื่องกันได้อย่างไร

"เพียงแต่จะบอกกับพี่น้องประชาชนว่า ที่เหลือจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้นเป็นตอนๆ ขณะที่เราต้องเฝ้ารอ โดยพวกนี้ไม่ชนะทุกยก จะแพ้กันหลายตอนได้เหมือนกัน ส่วนยกหน้าเขาจะชนะกันถี่ๆ จนนำไปสู่ความสูญเสียของชาติหรือไม่ ต้องไปวัดกันตรงนั้น" นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวทิ้งท้ายว่า ประชาชนต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป เพื่อประเมินการรับมือทุกยก แม้แต่ละตอนจะกระทบกระเทือนจิตใจ ขณะเดียวกันจะเป็นพลังปลุกใจประชาชนที่รักชาติบ้านเมือง และประชาชนจะตื่นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้น คงต้องเฝ้ารอเป็นตอนๆ ดูกันเป็นยกๆ