'อดีตคนคุก' ร้อง 'วันนอร์' ปมถูก 'ราชทัณฑ์' เรียกรับเงิน ช่วยอำนวยความสะดวก
"แทนคุณ" นำ "อดีตคนคุก" ขอความเป็นธรรม "วันนอร์" หลังถูก "คนราชทัณฑ์" หลอกรับเงิน อ้างช่วยอำนวยความสะดวกในเรือนจำ
ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม นำนายปัญญา กาลเศรษฐี ผู้เสียหายที่เคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เข้ายื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ผ่านนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบเครือข่ายการทุจริตหลอกลวงเงินผู้เสียหายในเรือนจำ
โดยนายแทนคุณกล่าวว่า มีกลุ่มมิจฉาชีพชื่อย่อ ท. กับพวกอ้างว่าสามารถโอนเงินแล้วจะช่วยเหลือผู้ต้องขังในเรือนจำได้เร็วขึ้นจนมีผู้หลงเชื่อ เสียค่าถูกหลอกประมาณกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีการหลอกลวงคนอื่นๆรวมแล้ว 86 ล้านบาท ซึ่งอาจจะโยงไปถึงผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกเรือนจำหรือไม่ และที่ผ่านมาจึงได้ยื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และดำเนินคดีอาญาไว้ที่สน.ประชาชื่น แต่คดีไม่มีความคืบหน้ามาเป็นเวลากว่า 2 ปี และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลอกลงทุนอีก โดยสืบพบว่า นาย ท. มีคดีที่เกี่ยวกับการหลอกลวง 25 คดีและคดีอื่นๆอีก 60 คดีถือว่าเป็นคดีอาชญากรรมต่อเนื่องเป็นภัยต่อความมั่นคง จึงยื่นให้ประธานสภาฯประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรม ตรวจสอบพยานหลักฐานเพื่อป้องกันการทุจริตเชิงระบบ
ขณะที่นายปัญญา กล่าวว่าตนขอความเป็นธรรม หลังจากคดีที่ยื่นแจ้งความไม่คืบหน้ากว่า 2 ปี สำหรับพฤติกรรมที่ถูกหลอกลวงในเรือนจำที่เจอคือ มีการทำเป็นกระบวนการและมืออาชีพโดยจะมีบุคคลเข้าไปตีสนิท ล้วงข้อมูล และระบุว่ามีผู้อำนาจ ทั้งระดับ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รัฐมนตรีหลายคนและผู้มีอำนาจช่วยเรื่องพักโทษและการรักษาพยาบาล
“คนๆนี้สามารถเดินไปห้องทนายความใช้โทรศัพท์ได้ไม่จำกัดเวลา ขณะที่คนอื่นใช้ได้ 20 นาที ส่วนคนที่มาเยี่ยมไม่เคยแลกบัตร ค่าไปโรงพยาบาล เรียก 5 ล้านบาท หากเราไม่สามารถโอนได้ เขาจะให้เขียนจดหมายไปบอกญาติให้โอน และขอเบอร์ญาติ โดยมีผู้คุมช่วย เชื่อมั่นว่ามีการหลอกลวงคน 200-300 คน ไม่ต่ำกว่า 500 ครั้ง ” นายปัญญา กล่าว
นายปัญญากล่าวว่า ตนพร้อมผู้เสียหายคนอื่นได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดนนทบุรี พบข้อมูลว่าตัวผู้ที่ดำเนินการมี 25 คดีทั้งกลุ่มมี 60 คดี และมีกลุ่มทนายความที่ช่วยเหลือ แก้ไขคดีอาญาให้เป็นแพ่ง ได้ทั้งหมด 60 คดี ซึ่งถือเป็นช่องโหว่ทางกฎหมาย ด้วยการติดสินบนเจ้าพนักงานทำให้ติดคุกเพียง 1 คดี
"รวมผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 20 ครอบครัวมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท เพราะแค่ของตน 5 ครอบครัวมูลค่า 86 ล้านบาท ยังมีการเรียกรับเงินแรกเข้า 200-300คนค่าใช้จ่ายค่าดูแลคนละ 50,000-100,000 บาท และมีหลักฐานการเงินเข้า 15 บัญชี เมื่อได้เงินแล้วก็จะถ่ายเงินโอนออก หลังจากนี้จะนำผู้เสียหายอีกกว่า 10 ครอบครัวมาเปิดเผยข้อเท็จจริง” นายปัญญา กล่าว
ด้านนายคัมภีร์กล่าวว่า จะนำเรื่องเสนอประธานสภา เพื่อดำเนินการส่งเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบการดำเนินการในส่วนที่ล่าช้า และคืนความเป็นอิสระให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งในเรื่องทรัพย์สินและเรื่องของการที่จะต้องไปถูกจองจำ ในทัณฑสถาน.