แนวรบ “เพื่อไทยสกล” “แดงนายใหญ่” ชน “แดงรากหญ้า”

ในรอบ 20 ปีมานี้ สมรภูมิเลือกตั้งนายก อบจ.สกลนคร พรรคของทักษิณ ไม่ว่าจะแบรนด์พลังประชาชนหรือเพื่อไทย ไม่เคยมีเอกภาพในการส่งผู้สมัครนายก อบจ.สกลนคร

สาเหตุมาจาก สส.สกลนคร ค่ายสีแดง ไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่างคนต่างอยู่ ต่างสร้างอาณาจักรของตัวเอง

ศึกท้องถิ่นเมืองสกลฯ ในครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ “นฤมล สัพโส” ภรรยา พัฒนา สัพโส สส.สกลนคร เขต 4 และมารดา จิรัชยา สัพโพ สส.สกลนคร เขต 5 จะได้รับฉันทานุมัติให้ลงสมัครนายก อบจ. ในนามเพื่อไทย

เมื่อวันที่ทักษิณ ชินวัตร บินมาหาเสียงที่อุดรฯ เสี่ยพัฒนาก็พา “แม่ฮอท” นฤมล ไปรายงานตัวกับนายใหญ่เป็นที่เรียบร้อย

ขณะที่คู่ต่อสู้ในสนามก็คือ คนเพื่อไทย และเป็นตระกูลเสื้อแดงที่อยู่กับนายใหญ่มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย 

นั่นคือ “ครูติ๋ว” อนุรักษ์ บุญศล อดีต สส.สกลนคร ในนามกลุ่มสกลนครสามารถ..ดีกว่าเดิม

สำหรับ “ชูพงศ์ คำจวง” นายก อบจ.สกลนคร ที่เคยใช้ชื่อคณะ อบจ.เพื่อไทยสกลนคร ลงสนามมา 2 หน ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งใหม่ ชูพงศ์ใช้ชื่อกลุ่มพลังสกลนคร

แสดงว่า ชูพงศ์ ถอยห่างค่ายเพื่อไทยแล้ว แต่จะไปอิงค่ายไหน ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ต้องรอวันลุยหาเสียงปลายปีนี้

ผลเลือกตั้ง สส.สกลนคร ปี 2566 เพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ ได้ 5 ที่นั่งจากทั้งหมด 7 ที่นั่ง ประกอบด้วยเขต 1 อภิชาติ ตีรสวัสดิชัย เขต 3 จิรัชยา สัพโส เขต 4 พัฒนา สัพโส เขต 6 สกุณา สาระนันท์ และเขต 7 เกษม อุประ

อีก 2 ที่นั่งตกเป็นของ ชาตรี หล้าพรหม พรรคประชาธิปัตย์ และชัยมงคล ไชยรบ พรรคพลังประชารัฐ

ปรากฏการณ์ไม่ชนะ “ยกจังหวัด” เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี สะท้อนว่า กระแสเพื่อไทย กระแสทักษิณ อ่อนแรงลงเยอะ

ทำไม “นฤมล สัพโส” ได้เป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ในการลงสนามนายก อบจ.เมืองหนองหารล่ม

ประการแรก สามีและลูกสาว เป็น สส.คือ พัฒนา สัพโส สส.สกลนคร เขต 4 (กุดบาก วาริชภูมิ นิคมน้ำอูน ส่องดาว และภูพาน) ส่วน จิรัชยา สัพโส สส.สกลนคร เขต 3 (อากาศอำนวย พรรณนานิคมและวานรนิวาส)

ประการที่สอง เสี่ยพัฒนา มีความพร้อมสู้รบ เนื่องจากทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

ประการที่สาม มีพันธมิตร สส.สกลนคร เพื่อไทย อย่างน้อย 3-4 คน ส่วนจะมาช่วยทั้งจังหวัดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนายใหญ่จะบัญชา

ด้าน “ครูติ๋ว” อนุรักษ์ บุญศล อดีต สส.สกลนคร และภรรยาของพงษ์ศักดิ์ บุญศล อดีต สส.สกลนคร เพื่อไทย ตัดสินใจสู้โดยไม่ได้ใช้แบรนด์พรรค

พงษ์ศักดิ์ บุญศล เป็นดอกผลของ สส.นกแลไทยรักไทย ได้รับเลือกเป็น สส.สกลฯ โดยกระแสทักษิณ และสังกัดค่ายสีแดงมาตลอด กระทั่ง มีปัญหาส่วนตัว จึงส่งภรรยา-ครูติ๋ว ลงสนามแทน

สมัยที่แล้ว ครูติ๋ว ส่งลูกสาว วงศ์อะเคื้อ บุญศล ลงสมัคร สส.สกลนคร เขต 5 เพื่อไทย พ่ายชัยมงคล ไชยรบ พลังประชารัฐ

หลังลูกสาวแพ้เลือกตั้ง ครูติ๋วก็กลับไปเป็น ผอ.โรงเรียนเทคโนโลยีสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน แต่ยังไม่ทิ้งงานการเมือง จึงตัดสินใจลงสมัครนายก อบจ.

การต่อสู้กันระหว่าง “แม่ฮอท” นฤมล สัพโส แดงนายใหญ่ และ “ครูติ๋ว” อนุรักษ์ บุญศล แดงรากหญ้า ทำให้นึกถึงเลือกตั้งนายก อบจ.สกลนคร ปี 2555

ตอนนั้น นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ยิ่งใหญ่เกรียงไกร “แดงสกลนคร” ก็มีหลายกลุ่มก้อน แต่ที่มาแรงสุดๆคือ นปช.สกลนคร นำโดย ศักดิ์ระพี พรหมชาติ ซึ่งเขยเมืองสกลนคร

ผู้ให้การสนับสนุน นปช.สกลนคร คือ พัฒนา-นฤมล สัพโส นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อ.พังโคน จ.สกลนคร 

เมื่อมีการเลือกตั้งนายก อบจ.สกลฯ ปี 2555 จตุพร พรหมพันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จึงรวมพลังกับตระกูล “สัพโส” หนุน ศักดิ์ระพี พรหมชาติ ลงสมัครนายก อบจ. ในนามกลุ่มเพื่อนจตุพร

ขณะที่ ชูพงศ์ คำจวง ก็ลงสมัครนายก อบจ.สกลนคร ในนามกลุ่มเพื่อไทยสกลนคร โดยมี สส.สกลนคร เพื่อไทย 5-6 คนให้การสนับสนุน 

กลุ่มเพื่อไทยสกลฯ จึงตัดแต้มกลุ่มเพื่อนจตุพร และเปิดทางให้ “ครูต่าง” ชัยมงคล ไชยรบ อดีตนายก อบจ. เบียดแทรกเข้าป้าย

ความพ่ายแพ้ของแดงสกลฯ ในสนามท้องถิ่น ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญของตู่-เต้น พร้อมสองสามีภรรยา “พัฒนา-นฤมล”  

ในปีนี้ คู่แข่งที่น่ากลัวของ นฤมล สัพโส ก็คือ ชูพงศ์ คำจวง อดีตนายก อบจ.สกลนคร ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อกลุ่มจากคณะ อบจ.เพื่อไทย สกลนคร เป็นกลุ่มพลังสกลนคร 

4 ปีที่ผ่านมา ชูพงศ์ได้สั่งสมทรัพยากรไว้เพียงพอในการทำศึกป้องกันแชมป์ จึงกล้าปั้นแบรนด์ตัวเอง ไม่พึ่งแบรนด์เพื่อไทยและทักษิณ

สำหรับ “ครูติ๋ว” อนุรักษ์ บุญศล อดีต สส.สกลนคร คงหวังเก็บตกจากคนทั่วไป เพราะไม่ได้โอกาสใช้แบรนด์พรรคเพื่อไทย

เต็งหนึ่งก็คือ นฤมล สัพโส ที่ได้ใช้แบรนด์พรรค และได้นายใหญ่มาช่วยหาเสียงในโค้งสุดท้าย

ตระกูลสัพโส ก็ต้องภาวนาอย่าให้ซ้ำรอยปี 2555 แดงตัดแดง แดงหักแดง สุดท้ายครูต่าง-ชัยมงคล ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.