ปชป.สอบเรื่องร้องเรียน 'ชาวบ้านภูเก็ต'ร้องบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเกาะโหลน
‘ปชป.’ ลุยตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ‘อดีต รอง กมธ.ป้องกันการทุจริต’ และ ชาวภูเก็ต กรณีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเกาะโหลน – ‘พี่เต้’ ฝาก รบ.แก้ปัญหาน้ำท่วม – ปากท้อง ให้กับคนภูเก็ต พร้อมเสนอไอเดีย ‘ล่องใต้คนละครึ่ง’ กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่น้ำท่วม
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยว่าที่ ร.ต.ธนิตศักดิ์ ดารามั่น อดีต ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ,นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิตต์และนางสาวกฤษยากร สรชัย คณะทำงานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฯ และคณะ เดินทางลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อติดตามเรื่องร้องเรียนจาก นายสุทา ประทีป ณ ถลาง อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และประชาชนชาวภูเก็ต ในพื้นที่ต่างๆ เช่น ติดตาม การเพิกถอน การออกโฉนดทับคลองบางรัก การก่อสร้างโรงแรมคร่อมคลองบางรัก หาดกะตะน้อย - จุดชมวิวกะรน มีการตัดถนนในเขต พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานาคเกิด พร้อมมีการก่อสร้างอาคารร้านอาหาร HR ที่ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตรวจสอบกรณีการสร้างรีสอร์ท ริมชายทะเล บ้านเกาะโหลน หมู่ 3 ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ของ นายพล พ. โดยตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าว มีการออก นส 3. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือ สค.1 บิน อยู่ในเขตพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติเกาะโหลน หรือไม่
โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ สืบเนื่องจากนโยบายและข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการป้องกันการบุกรุกทำลายป่า เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและป้องกันภัยที่เกิดจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ จึงได้พิจารณาเรื่องร้องเรียน ของนายสุทา และชาวจังหวัดภูเก็ต ใน 3 กรณีดังกล่าว ซึ่งมี นายสายันต์ ด้วนเกตุ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.1 (ถลาง) พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมลงตรวจสอบด้วย
นอกจากนี้ นายมงคลกิตติ์ ยังระบุด้วยว่า นอกจากเรื่องร้องเรียนทั้ง 3 เรื่องที่ตนได้ลงตรวจสอบแล้วนั้น ประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตยังได้ร้องเรียนมายังตน เพื่อฝากไปยังรัฐบาล 2 เรื่องใหญ่ คือ ปัญหาน้ำท่วมภายในจังหวัด ซึ่งตลอดปี 2567 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป จังหวัดภูเก็ตประสบปัญหาน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งน้ำฝนที่ตกมาอย่างรุนแรง น้ำป่าที่ไหลท่วมมาสมทบ ทำให้เกิดดินสไลด์เป็นบริเวณกว้าง ประชาชนที่สัญจรไปมาได้รับความเดือดร้อน รวมทั้ง สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัด ทำให้สูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากภัยธรรมชาติแล้ว ปัญหาปากท้องประชาชนในพื้นที่ที่มีความซบเซา นักท่องเที่ยวไม่ได้มีกำลังซื้อเหมือนแต่ก่อน ร้านค้าหลายร้านประสบปัญหาขาดทุน กิจการบางอย่างไปต่อไม่ไหว ทำให้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส เพราะฉะนั้น นอกจากรัฐบาลจะต้องดำเนินการวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว ปัญหาปากท้องของคนในจังหวัดภูเก็ตก็จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร็วที่สุด โดยตนเห็นว่า หากรัฐบาลมีแนวคิดที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของภาคเหนือในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาด้วยโครงการ ‘แอ่วเหนือคนละครึ่ง’ แล้ว ก็ต้องนำโครงการนี้มาใช้ในพื้นที่ภาคใต้ด้วย ซึ่งจะเรียกเป็นโครงการ ‘ล่องใต้คนละครึ่ง’ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ซบเซาจากช่วงน้ำท่วม รวมทั้ง เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาเรื่องปากท้องอีกด้วย
"ผมขอแสดงความห่วงใยกับพี่น้องประชาชนชาวใต้ที่ประสบอุทกภัย เพราะในช่วงเวลานี้ของทางภาคใต้เป็นช่วงของฤดูมรสุม หากจะเปรียบช่วงเวลานี้ในภาคอื่นๆ ก็คือช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคฯ ก็ได้มีการสั่งการในเบื้องต้นให้ สส. อดีต สส. ในพื้นที่ และสมาชิกพรรค ช่วยกันประสานงานในการช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วและทันท่วงที ดังเช่น มีการตั้งโรงครัวในพื้นที่ที่ประสบภัย การออกเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน การประสานขอความช่วยเหลือกับหน่วยงานราชการ เป็นต้น ทั้งนี้ สาเหตุการเกิดน้ำท่วมภาคใต้ นอกจากฝนตกเป็นเวลานาน น้ำทะเลหนุนสูงแล้ว การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ในบางพื้นที่ ก็มีการสร้างขวางเส้นทางทางน้ำที่ปกติแล้ว จะเป็นเส้นทางในการระบายน้ำเพื่อลงสู่ทะเล เป็นการป้องกันน้ำท่วมในอีกทางหนึ่ง ดังนั้น จากที่ผมลงพื้นที่ตรวจสอบร้องเรียนที่ จ.ภูเก็ตในวันนี้ ผมจึงได้มีข้อเสนอไปยังรัฐบาล เพื่อต้องการให้ลงมาดูแลแก้ไขปัญหาและมาดูแลปากท้องของประชาชนที่ประสบอุทกภัยไปพร้อมๆกัน" นายมงคลกิตติ์กล่าว